สภาฯ ถก “Entertainment Complex” วุ่น ฝ่ายค้านขอนับองค์ประชุม หลังให้ถอนรายงานไปปรับปรุง แต่ไม่เป็นผล รัฐบาลให้ขานชื่อประจาน ก่อนลงมติเห็นชอบ 255 ต่อ 0

วันที่ 28 มี.ค. 2567 ที่ประชุมรัฐสภา มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 พิจารณารับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องการศึกษาเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานกมธ.วิสามัญฯ ชี้แจงรายงานว่า กมธ.ฯ พิจารณาอย่างรอบคอบและรอบด้าน และใช้การศึกษาของอนุกมธ.ฯ เป็นหลัก เพราะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ การทำงานในครั้งนี้เป็นการส่งมอบภารกิจงานใน 3 หัวใจหลักของการศึกษา 1.ด้านกฎหมาย ในประเทศไทยขณะนี้ยังไม่รองรับ การที่เราจะสามารถเดินหน้าเรื่องการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรได้ จำเป็นต้องมีกฎหมายที่เป็นกุญแจหลักที่สามารถทำให้กลไกนี้เดินหน้าได้

2.รูปแบบธุรกิจและรายได้ของรัฐ มีการนำตัวอย่างประเทศที่ประสบความสำเร็จและการเดินหน้าสามารถสร้างเศรษฐกิจโดยที่มีกลไกในการป้องกันอย่างเหมาะสมมาใช้ และ3.ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสังคม ซึ่งเราได้นำมาพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบ นอกจากนี้กมธ.ฯ มีการยกร่างตัวอย่างกฎหมาย ซึ่งอาจจะนำมาใช้บังคับในกรณีที่หากประเทศไทยจะสามารถเดินหน้าในเรื่องของ Entertainment Complex หรือสถานบันเทิงครบวงจร

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า เนื้อหาของรายงานฉบับนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการผลักดันให้มีกฎหมายรองรับเกิดขึ้นสำหรับสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งเห็นพ้องต้องกันว่าจะเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจ เกิดผลิตผลต่อประเทศอย่างมาก ทั้งสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับคนไทย มีรายได้เข้าสู่รัฐ เข้าสู่ชุมชน สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศหลากหลายรูปแบบ

นอกจากนั้นยังสามารถพัฒนาแรงงานในอุตสาหกรรมใหม่ ต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม ส่งเสริมการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันสามารถแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมายได้ ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่ชอบเล่นการพนันและเที่ยวสถานบริการ ตามปกติอาจจะเข้าถึงได้ยาก หากมีการเปิดให้บริการถูกกฎหมายก็จะเข้าถึงได้ง่าย แต่หากเปิดให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายก็จะก่อให้เกิดปัญหาภายในครอบครัว กลายเป็นปัญหาสังคม จึงต้องมีกฎหมายออกมารองรับ

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนผลประโยชน์ที่คนไทยและประเทศไทยจะได้รับคือการท่องเที่ยวถือเป็นหัวใจหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจนำเงินเข้าประเทศ ทั้งนี้ได้มีการศึกษาตัวอย่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่ประสบความสำเร็จในการเดินหน้าเรื่อง Entertainment Complex ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวกระโดดสูงขึ้น รวมทั้งการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียบต่าง เช่น ภาษีจากสิ่งที่เรียกว่าเกมมิ่ง หรือภาษีจากการพนัน และภาษีอื่นๆ การดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า การลงทุนในลักษณะนี้ที่เรียกว่า Entertainment Complex ไม่ใช่เพียงแค่คาสิโนเท่านั้น แต่หมายรวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ ทั้งสวนสนุก ห้างสรรพสินค้า โรงแรม รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง สิ่งต่างๆ เหล่านี้เม็ดเงินการลงทุนคาดหวังได้เลยว่าต่อจุดไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลต่อชุมชนต่อประเทศไทย และยังสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องต่อไป

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องการเยียวยา ทางกมธ.ฯ มีกลไกในการเยียวยาในการป้องกันปัญหาการติดพนัน ความรุนแรง โดยจะมีการกำหนดประเภทคนที่ไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่คาสิโน ตัวอย่างจากประเทศสิงคโปร์ หากมีคนเมา คนที่เล่นมีพฤติกรรมที่ผิดแปลก ที่อาจจะเกิดจากการเสียพนันมากและติดพนัน จะมีกลไกในการป้องกันระงับยับยั้ง รวมถึงกลไกที่ครอบครัวสามารถระงับยับยั้งการเข้าสู่พื้นที่การพนันของคนในครอบครัวตนเองได้ หากมีการติดการพนันก็สามารถแจ้งเข้ามายังหน่วยงานที่ต้องสร้างขึ้นมากำกับเพื่อที่จะให้พิสูจน์ทราบว่าบุคคลนั้นมีปัญหาหรือไม่ หากมีปัญหากลไกก็รองรับให้บุคคลนั้นติดแบล็กลิสต์ ไม่สามารถเข้าสู่พื้นที่ได้

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า การศึกษาของกมธ.ฯ ไม่ใช่ข้อยุติ วันนี้สิ่งที่นำเสนอเป็นเพียงแค่รายงานการศึกษา หลังจากรายงานเข้าสู่สภาฯ วันนี้แล้ว หากที่ประชุมมีมติว่าเห็นชอบการศึกษาฉบับนี้ ก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการเดินหน้า Entertainment Complex และไม่ใช่จุดสุดท้าย เพราะสุดท้ายกลไกของสภาฯรับในเรื่องของรายงานการศึกษา หากรับแล้วคงต้องส่งให้ ครม.ไปพิจารณาในรายละเอียดต่อไป ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหารในการพิจารณาว่าโครงการพัฒนาลักษณะนี้มีความเหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่ จะปิดกั้นปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างไร และมีความเหมาะสมในการเดินหน้าอย่างไร เมื่อไหร่

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า กลไกสุดท้ายหัวใจหลักคือตัวกฎหมาย ซึ่งกฎหมายที่เรานำเสนอเป็นเพียงแค่การยกร่าง ตนเชื่อว่าทุกคนอาจจะมีความเห็นแตกต่างในเรื่องเนื้อหาของกฎหมาย และหากเป็นการเดินหน้าโดยฝ่ายบริหาร ก็ต้องส่งกลับมายังสภาฯ เพื่อพิจารณารายละเอียดของกฎหมายที่จะมาใช้ควบคุม

ทั้งนี้ สมาชิกส่วนใหญ่อภิปรายเห็นด้วยกับรายงานฉบับนี้ แต่สส.พรรคก้าวไกลแม้จะอภิปรายเห็นด้วย แต่ก็ยังเห็นว่ารายงานฉบับนี้ยังไม่สมบูรณ์ เพราะทุกวันนี้ประชาชนก็เล่นพนันออนไลน์กัน หากเปิด Entertainment Complex จะสามารถสู้กับพนันออนไลน์ได้หรือไม่ และยังไม่มีมาตรการอย่างจริงจังในการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา รวมทั้งกังวลว่าจะเป็นศูนย์รวมจีนเทาแห่งใหม่ได้ จึงเห็นว่าหาก กมธ.จะทำรายงานควรทำให้สมบูรณ์กว่านี้ จึงขอให้ถอนรายงานออกไปก่อน

กระทั่งเวลา 18.31 น. สมาชิกได้อภิปรายเสร็จแล้ว และกมธ.ชี้แจงเสร็จ นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ในฐานะวิปฝ่ายค้าน ขอนับองค์ประชุมก่อนลงมติ ทำให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นท้วงว่า ที่ผ่านมาให้ความร่วมมือทำงานกับฝ่ายค้านด้วยดีมาตลอด แต่ถ้าพรรคก้าวไกลจะเล่นเกมนับองค์ประชุมต่อไป หากฝ่ายค้านเสนอรายงานเข้ามาก็จะไม่รับสักฉบับ

ขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการอภิปรายมาตรา 152 ของฝ่ายค้านในวันที่ 3-4 เม.ย. ข้อตกลงของวิปก็ตกลงกันว่าเวลาของฝ่ายค้านจะได้เวลาที่มากกว่าฝ่ายรัฐบาล ข้อตกลงนั้นก็เป็นการอะลุ่มอล่วยกันเพื่อที่จะให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ เวลาที่แบ่งไปให้ฝ่ายค้านเยอะกว่า ถ้าไม่ตกลงตามมติของวิป หรือมติของวิปไม่มีความหมาย

นายภราดร กล่าวต่อว่า พวกตนบอกแบบนี้ได้หรือไม่ว่าเรื่องเวลาตนไม่เอาตามเดิมแล้ว พวกตนฝ่ายรัฐบาลมีสิทธิ์ในการที่จะอภิปรายตามมาตรา 152 เช่นเดียวกัน เรามาแบ่งเวลากันใหม่ วันนี้ท่านขอใช้สิทธิ์นับองค์ประชุม ในสัปดาห์หน้าพวกตนขอนับองค์ประชุมบ้างได้หรือไม่ ถ้าทำกันแบบนี้ หากมติวิปหรือข้อตกลงของวิปสองฝ่ายคุยกันแล้วไม่ได้ข้อสรุป พวกตนฝ่ายรัฐบาลก็ไม่มีข้อตกลงใดๆ ทั้งสิ้นกับฝ่ายค้าน

ด้านนายชุติพงศ์ ขอใช้สิทธิ์พาดพิง ว่า ไม่มีการพลิกมติวิปได้ เพียงแต่การอภิปรายวันนี้มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ต้องลงมติ เราจึงเสนอให้มีการถอนรายงานออกไปก่อน หากกมธ.ถอนรายงานออกไปก่อน และกลับมาอีกครั้งเราพร้อมผ่านให้อยู่แล้ว แต่อยากให้มีความสมบูรณ์จริงๆ และเห็นความมุ่นมั่นของรัฐบาลจึงเสนอให้นับองค์ประชุม

ขณะที่นายภราดร กล่าวอีกครั้งว่า มีการตกลงกันแล้วว่าจะไม่โหวต แต่ถึงเวลาก็มาทำแบบนี้ การที่นายชุติพงศ์เสนอให้นับองค์ประชุมก็เพราะฝ่ายค้านจะไม่แสดงตัว แล้วทำให้สภาล่ม

ทำให้นายพิเชษฐ์​ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่สอง พูดสวนขึ้นมาว่า ไม่น่าจะล่ม

นายภราดร จึงบอกว่า อย่างนั้นก็นับองค์ประชุม แต่ฝ่ายค้านต้องเป็นองค์ประชุมให้ด้วย ถ้าจะลงมติก็ลง เดี๋ยวสัปดาห์หน้าพวกตนก็เอามั่ง

ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า หากสัปดาห์หน้าอยากจะหนีการตรวจสอบ โดยการให้มีการนับองค์ประชุมก็ลองดู

เมื่อตกลงกันไม่ได้ นายอรรถกรเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ จะได้รู้กันไปว่าใครไม่มาประชุมบ้าง ทำให้ สส.พรรคก้าวไกล พยายามทักท้วงว่าไม่ได้เสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ แต่ให้ใช้วิธีเสียบบัตร สุดท้ายไม่เป็นผล นายพิเชษฐ์สั่งให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ

จากนั้นเวลา 19.00 น. เริ่มนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อเรียงตามตัวอักษร โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ปรากฏว่ามี สส.ขานชื่อจำนวน 257 คน ถือว่าครบองค์ประชุม

ต่อมาเวลา 20.10 น. ที่ประชุมลงมติรับทราบรายงานดังกล่าวด้วยคะแนนเห็นชอบ 255 ต่อ 0, งดออกเสียง 2 จากนั้นส่งรายงานฯ ให้ ครม.พิจารณาต่อไป และนายพิเชษฐ์ สั่งปิดการประชุมในเวลา 20.18 น.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน