“ไชยา” ไม่หวั่นถูกปรับพ้น ครม. บอก 7 เดือนเร็วเกินไป ยังไม่ได้ใช้งบขับเคลื่อนนโยบาย ลั่นจะปรับกี่ที กระทรวงเกษตรฯ ต้องอยู่กับเพื่อไทย

เมื่อเวลา 09.25 น. วันที่ 18 เม.ย. 2567 ที่ทําเนียบรัฐบาล นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายชื่อถูกปรับออกว่า ตนทราบตามข่าว ไม่ได้หวั่นไหวอะไร และ 7 เดือนที่ผ่านมา ทำหน้าที่ในกรอบในข้อจำกัดของงบประมาณ ถ้าหากเป็นไปตามนโยบายของผู้ใหญ่ตนก็ไม่ขัดข้อง ก็แล้วแต่

ยืนยันว่าการขับเคลื่อนในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ถึงแม้กระทรวงเกษตรฯ จะประกอบไปด้วยรัฐมนตรีจากพรรคต่างๆ แต่การทำงานก็ไม่มีอุปสรรค แม้ระยะแรกๆ อาจจะมีปัญหาอยู่บ้างกว่าจะลงตัว กว่าจะเป็นทีมเดียวกันก็ใช้เวลา

นายไชยา กล่าวต่อว่า หลังจากนี้เมื่องบประมาณผ่านแล้ว ก็จะมีการขับเคลื่อนงานตามนโยบาย ย้ำว่าการปรับครม.ก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการส่งสัญญาณ และตนยังทำหน้าที่ของตัวเองตามตารางงานที่ได้วางแผนไว้แล้ว

เมื่อถามถึงการเดินทางไปจ.เชียงใหม่ รดน้ำขอพรนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้มีการพูดคุยเรื่องการปรับครม.หรือไม่ นายไชยา กล่าวว่า ไม่มี ตนไปรดน้ำดำหัวและขอพร

เมื่อถามว่าหากถูกปรับจริงจะไม่เสียใจใช่หรือไม่ นายไชยา กล่าวว่า เราเป็นนักการเมือง ตนไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น แต่ห่วงอย่างเดียวว่าปรับแล้ว หากเราวางเป้าว่าจะทำเพื่อการแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์ประชาชนได้ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

กระทรวงเกษตรเป็นกระทรวงที่เราขับเคลื่อนนโยบายที่เราให้ความสำคัญ วันนี้งบประมาณปี 67 ออกแล้ว งบประมาณปี 68 กำลังจะพิจารณา ดังนั้น ต้องแก้ไขปัญหาประชาชนให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องน้ำ ภาคอีสานต้องการเรื่องน้ำอย่างเดียว

“ผมถามชาวบ้าน ผมเป็นผู้แทนมา 9 สมัย ชาวบ้านต้องการรถไฟลอยฟ้าหรือไม่ ต้องการรถไฟความเร็วสูงหรือไม่ เขาไม่ต้องการ แต่เขาต้องการน้ำ ฉะนั้น เมกะโปรเจกต์ที่ต้องทำในภาคอีสาน คือ การแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วมน้ำ น้ำแล้ง








Advertisement

กรมชลประทาน โครงการน้ำโขง-ชี-มูล ผ่านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ปี 2563 งบประมาณมี แผนงานมี แต่ไม่มีการขับเคลื่อน ผมถึงบอกว่าการปรับครม.ครั้งนี้ กระทรวงเกษตรต้องอยู่กับเพื่อไทย” นายไชยา กล่าว

เมื่อถามว่าเร็วเกินไปหรือไม่หากจะมีการปรับครม.ตอนนี้ นายไชยา กล่าวยอมรับว่า เร็วเกินไป เนื่องจากเราเพิ่งเข้ามา 7 เดือน งบประมาณที่เราใช้ไปพลางก่อนเป็นงบประจำ เป็นเงินเดือนค่าตอบแทน แต่งบลงทุนเราแทบไม่ได้ขับเคลื่อน

เมื่อถามย้ำว่ากระทรวงเกษตรฯ ต้องอยู่กับพรรคเพื่อไทย มองว่าการปรับครม.ครั้งนี้ ต้องรวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการด้วยหรือไม่ที่ควรเป็นของพรรคเพื่อไทย นายไชยา กล่าวว่า ตนมองในภาพรวม ในฐานะที่เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงที่อยู่กับวิถีชีวิตชาวบ้าน ฐานเสียงของเพื่อไทยอยู่ที่อีสาน ตอนนี้เราได้เสียงเป็นกอบเป็นกำที่อีสาน

แต่เราตอบโจทย์คนอีสานเรื่องอะไรบ้าง เรื่องระบบชลประทาน เรื่องน้ำ เรื่องงบประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาทเกือบแสนล้านบาท ลงไปที่อีสานเท่าไหร่ เรื่องราคาพืชผลการเกษตร ข้าว เหล่านี้อยู่กับวิถีชีวิตของคนอีสาน

องคาพยพของกระทรวงเกษตรฯ ทางด้านอุตสาหกรรม เปลี่ยนมายด์เซ็ตของเกษตรกรว่า การผลิตทุกวันนี้ไม่ใช่การผลิตเพื่อปริมาณอีกแล้ว แต่เป็นการผลิตและวิเคราะห์ตลาดว่าต้องการอะไร คำถามคือองคาพยพของกระทรวงเกษตรฯ ได้ตอบโจทย์เหล่านี้เพียงพอหรือยัง

“ถ้าจะปรับกันจริงๆ หรือเวลาจากนี้ไปจนกว่าจะถึงการเลือกตั้ง ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผมนั่งตรงนี้ ใครก็ได้ที่เป็นของพรรคเพื่อไทย แม้แต่กระทรวงคมนาคม เรามีรัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วยเป็นทีมเดียวกัน วันนี้แม้เราจะอยู่ต่างพรรคก็ตาม เราก็ไม่มีปัญหา อันนี้พูดเชิงหลักการว่า เพื่อไทยเป็นแกนนำต้องขับเคลื่อนอย่างไร ผมอยากตอบโจทย์พี่น้องประชาชนที่เลือกผมมา” นายไชยา กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน