FootNote : บทบาท ประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรคอนุรักษ์นิยม “ทันสมัย”
จังหวะก้าวแห่งการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ของพรรคพลังประชารัฐ เป็นจังหวะก้าวอันสำแดงเจตจำนงทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ
ภาพที่งดงามเป็นอย่างมากคือภาพที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้าไปคารวะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วยความนอบน้อม
ผลก็คือ สามารถดับ “ข่าวลือ” ให้สงบลงได้โดยฉับพลัน
ความหมายเฉพาะหน้าก็คือ ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ล้วนมีความเป็นเอกภาพทางความคิดในการสร้างพรรคพลังประชารัฐ
ความเงียบอันมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เสมอเป็นเพียงเรื่องซึ่งเนื่องจากสุขภาพ การโลดเต้นที่เห็นผ่าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คือจังหวะก้าวที่จำเป็นในทางการเมือง
ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏตัวเพื่อต้อนรับคณะของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เชียงใหม่พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ร่วมโต๊ะอาหาร ล้วนเป็นเรื่องความสัมพันธ์ทางการเมืองในอดีตและความจำเป็นต้องเชื่อม สมานตามความเป็นจริงในปัจจุบัน
ล้วนอยู่บนฐานแห่งประโยชน์ของพรรคพลังประชารัฐ
จุดร่วมอันเป็นความรับรู้และเห็นพ้องต้องกันระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คือการปรับปรุง พรรคพลังประชารัฐให้สอดคล้องกับสถานการณ์
นี่ย่อมเป็นงานที่ไม่ว่าจะมองจากด้านหัวหน้าพรรค ไม่ว่าจะมองจากด้านเลขาธิการพรรคดำเนินไปอย่างเป็นเอกภาพ
นั่นก็คือยืนยันพรรคพลังประชารัฐเป็น “พรรคอนุรักษนิยมทันสมัย” ที่มีอุดมการณ์แน่วแน่ในการปกป้องสถาบันและบริหาร เศรษฐกิจให้ทันสมัย
เป็นคำยืนยันจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายใต้สโลแกนของพรรคที่ปรับเปลี่ยนเป็น “ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส”
โดยที่ประชาชนสามารถติดตามผ่านบทบาทที่พรรคพลังประ ชารัฐบริหารผ่าน 2 กระทรวงใหญ่
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พรรคพลังประชารัฐได้ทะยานเข้ามาอยู่ในจุดแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในท่ามกลางการท้าทายทางการเมือง
ดำรงอยู่ไม่ต่างไปจากที่พรรครวมไทยสร้างชาติประสบ
ในฐานะที่พรรครวมไทยสร้างชาติมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่พรรคพลังประชารัฐมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
นี่ย่อมเป็นภารกิจบนบ่าของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะเลขาธิการพรรค