พล.ต.อ.สราวุฒิ ปธ.สอบวินัย “บิ๊กโจ๊ก”-5ตำรวจ ประชุมนัดแรก พร้อมส่งหนังสือแจ้งให้รับทราบข้อหาภายใน 7 พ.ค.นี้ เผยตกใจที่ถูกแต่งตั้ง รับเกษียณก่อนสอบเสร็จ

เมื่อวันที่ 29 เม.ย.2567 ที่ตร. พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร เรียกประชุมคณะกรรมการสอบสวนวินัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. พร้อมพวกรวม 5 คน ที่ทำผิดวินัยร้ายแรงจนถูกออกจากราชการไว้ก่อน

ซึ่งการประชุมในวันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก หลังจากที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร.เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งหนึ่งใน 14 คนนี้ มีบุคคลที่ถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวหาว่า เป็นคู่ขัดแย้งกับตนเอง ในการสอบสวนจึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมีแนวคิดว่าจะยื่นหนังสือเพื่อคัดค้านคณะกรรมการฯ

ดีเดย์ 7 พ.ค.ชุดสอบวินัย จ่อเรียก"บิ๊กโจ๊ก"-5 ตร.เข้ารับทราบข้อหา

ดีเดย์ 7 พ.ค.ชุดสอบวินัย จ่อเรียก”บิ๊กโจ๊ก”-5 ตร.เข้ารับทราบข้อหา

โดย พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า ภายหลังการประชุมวันนี้ได้เชิญคณะกรรมการทุกคนมาเพื่อประชุมแนวทางการสอบสวน โดย 2 จาก 14 คน ไม่สามารถมาประชุมได้เนื่องจากติดราชการ โดยกรอบระยะเวลาของกฎระเบียบที่ ก.ตร.กำหนดไว้ มีกรอบระยะเวลา 15 วัน นับจากวันที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ

คือวันที่ 22 เม.ย.ย ดังนั้นทั้ง 5 ท่านจะต้องเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 7 พ.ค. ซึ่งก่อนวันที่ 7 จะต้องมีการส่งหนังสือแจ้งทางไปรษณีย์ให้กับทาง 5 ท่านทราบ แต่หากบุคคลที่ถูกเรียกติดธุระไม่สามารถเดินมาได้ ก็ส่งหนังสือมาเพื่อขอเลื่อนได้ หลังจากนั้นคณะกรรมการฯจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน มีกรอบระยะเวลา ทั้งหมดต้องไม่เกิน 270 วัน

โดยพล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวต่อว่า ได้วางกรอบการทำงานของคณะทำงาน จะต้องยึดหลักในเรื่องของระเบียบและข้อกฎหมายเท่านั้น และจะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 รายอย่าง 100% ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะยื่นคัดค้าน 1 ในคณะกรรมการ ที่เป็นคู่ขัดแย้งนั้น สามารถทำได้

ดีเดย์ 7 พ.ค.ชุดสอบวินัย จ่อเรียก"บิ๊กโจ๊ก"-5 ตร.เข้ารับทราบข้อหา

แต่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร.จะเป็นผู้พิจารณา ว่าบุคคลที่ถูกเอ่ยถึง มีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่ แต่ยอมรับว่าการทำงานของคณะนี้ อาจจะแล้วเสร็จไม่ทันตนเกษียณอายุราชการ แต่ก็สามารถส่งต่อข้อมูล ให้กับผู้ที่จะเข้ามารับผิดชอบแทนได้ ยืนยันว่าไม่ใช่การโยนเผือกร้อน

ส่วนการที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มอบหมายให้ตนเป็นประธานสอบวินัย รู้สึกตกใจว่าทำไมมอบให้ตนเองเป็นหัวหน้า เพราะใกล้จะเกษียณแล้ว อาจจะเป็นเพราะตนเองเป็นกลาง ก็น่าจะเพราะมีความจำเป็นจริงๆ แต่ไม่ได้มีการพูดคุยหรือสั่งการอะไรเป็นพิเศษ และขอประกาศว่าไม่มีใครมาชี้นำตนได้

รวมถึงยังไม่มีการพูดคุยกับทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นการส่วนตัว แต่ตนพร้อม หากจะมีใครมาพูดคุยเพราะถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมกับทุกคน และถึงแม้จะเป็นพี่น้องร่วมสถาบัน และเคยทำงานร่วมกัน ก็จะไม่มีการช่วยเหลือ และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังมีคุณสมบัติเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.อันดับ1อยู่หรือไม่ ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากการตรวจสอบทางวินัย และอาญายังไม่แล้วเสร็จ รวมถึงขณะนี้ยังไม่ถือว่าออกจากราชการแล้ว100% เนื่องจากขั้นตอนยังไม่ครบถ้วน จึงถือว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

โดยวันพรุ่งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาประชุม ก.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาการแต่งตั้งนายพล คาดว่าจะไม่มีการหยิบประเด็นนี้ไปพูดคุยในที่ประชุม ซึ่งจะต้องไปดูในกฎระเบียบของ ก.ตร. ว่า วิธีการปฏิบัติการรายงานเป็นอย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน