มงคลข่าวสด : หลวงปู่รัศมี ธัมมจาโร สายธรรม ‘หลวงปู่ฝั้น’

 

มงคลข่าวสด “หลวงปู่รัศมี ธัมมจาโร” ศิษย์สืบสายธรรม พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร แม่ธรรมภาคอีสาน, สหธรรมิกหลวงปู่อวน ปคุโณ แห่งวัดป่าจันทิยาวาส ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถืออย่างสูง

ปัจจุบัน สิริอายุ 91 ปี พรรษา 56 จำพรรษาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมป่าช้า บ้านหนองแดง หมู่ 8 ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม

มีนามเดิมว่า รัศมี มังสี เกิดวันจันทร์ที่ 19 ธ.ค.2470 ตรงกับวันแรม 11 ค่ำ เดือน อ้าย ปีเถาะ ในตระกูลชาวนา ที่บ้านหนอง บัวคำ ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม

ในช่วงวัยเยาว์มีจิตใจฝักใฝ่ในบวรพระ พุทธศาสนา ชอบเข้าวัดไปฟังธรรมเทศนาบ่อยครั้ง อีกทั้งยังชอบทำบุญทำทานและละเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต กระทั่งเข้าเรียนในโรงเรียนหมู่บ้านจนจบชั้น ป.4 พออายุ 13 ปี จึงบวชเป็นสามเณรที่วัดบ้านดงขวาง ต.ดงขวาง อ.เมือง จ.นครพนม

กระทั่งอายุ 20 ปี เมื่อปี พ.ศ.2490 จึงเข้าพิธีอุปสมบท ที่พัทธสีมาวัดป่าโมทย์ ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม มี พระจวง เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูคำไหม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระครูติ้น เป็นพระอนุสาวนาจารย์

อยู่ศึกษาพระธรรมวินัยกับพระอุปัชฌาย์ระยะหนึ่ง จึงออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ จนมาถึง จ.สกลนคร เข้าไปกราบ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์พระป่า ที่กุฏิวัดป่าสุทธาวาส ได้รับคำแนะและคำสอนในการปฏิบัติธรรมภาวนา ก่อนที่หลวงปู่มั่นจะแนะนำให้ไปฝึกกัมมัฏฐานกับ พระอาจารย์ฝั้น ที่วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

ระหว่างศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานนานถึง 3 ปี จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านนาอ้อย ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร ช่วยพระอาจารย์ฝั้นสร้างอุโบสถจนแล้วเสร็จ จึงได้กราบลาพระอาจารย์ไปธุดงค์และ ปลีกวิเวกที่ฝั่งลาว

กระทั่งได้มีโอกาสพบกับเจ้าศรีสว่างวงศ์ กษัตริย์ของลาวในสมัยนั้น ขณะที่หลวงปู่ยังเป็นหนุ่ม จึงเกิดความศรัทธาและนิมนต์ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งเมืองหลวงพระบางในฝั่งลาว เพื่อสอนธรรมะอบรมจิตใจให้ชาวบ้านเป็นเวลานาน 4 เดือน

ต่อมาออกท่องธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร ก่อนจะข้ามมาฝั่งไทยเพื่อกลับมาตุภูมิ ทางครอบครัวบอกให้ช่วยงานตัดเลื่อยไม้สร้างบ้าน จึงลาสิกขาใช้ชีวิตฆราวาสระยะหนึ่ง ไม่นานนักก็เริ่มเบื่อหน่ายทางโลก

ในปี พ.ศ.2505 จึงเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดบ้านนาโสก ต.นาโสก อ.เมือง จ.มุกดาหาร (ขณะนั้นเป็น จ.นครพนม) มี พระครูสิริรัตนโพธิคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูอโศกสันติคุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอินทร์ อินทรปัญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังครองผ้าเหลืองอีกรอบ ท่านมุ่งมั่นร่ำเรียนจนสอบได้นักธรรมชั้นตรี ก่อนออกเดินธุดงค์ไปจนถึงวัดนาโด่ ต.นาโสก อ.เมือง จ.มุกดาหาร จำพรรษาและพัฒนาวัด 5 ปี กระทั่งเป็นเจ้าอาวาส เป็นเวลานาน 13 ปี

ระหว่างนี้ไปมาหาสู่ หลวงปู่แพงตา เขมิโย วัดประดู่วีระธรรม ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นลูกพี่ ลูกน้องกัน ได้ไปศึกษาธรรมและฝึกมนต์พิธี

ก่อนจะออกเดินธุดงค์อีกครั้งไปยัง จ.เพชรบูรณ์ นาน 3 ปี จากนั้นเดินทางไปที่ อ.บ่อไร่ จ.ตราด

หลังมีผู้ศรัทธาเลื่อมใสถวายที่ดิน 50 ไร่ ซึ่งเป็นป่าหวายรกทึบให้สร้างวัด และจำพรรษาพัฒนาวัดด้านถาวรวัตถุนานกว่า 20 ปี หลวงปู่รัศมีจึงบอกกับชาวบ้านที่นั้น จะขอกลับมาสร้างวัดต่อที่บ้านเกิด ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จนแล้วเสร็จเป็นวัดบ้านคำพอก เป็นศาสนสถานที่ปฏิบัติธรรมของชาวพุทธศาสนิกชนทั่วไป

กระทั่งสังขารล่วงเข้าสู่วัยชรา จึงนำพาลูกศิษย์บุกเบิกป่าช้ารกทึบเนื้อที่ 28 ไร่ บริเวณป่าหนองแดง บ้านหนองบัวคำ หมู่ 8 เพื่อจำพรรษาและสร้างเป็นสำนักปฏิบัติธรรมป่าช้าบ้านหนองแดง ไว้ให้ชาวบ้านในชุมชนและละแวกใกล้เคียงใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีแค่เพียงศาลาโรงฉันกับกุฏิแค่ 7-8 หลัง และอยู่ห่างจากหมู่บ้าน 2-3 กิโลเมตร สภาพถนนหนทางยังทุรกันดารยิ่งนัก

มีอุปนิสัยส่วนตัวสมถะเรียบง่าย รักสันโดษ ชอบอยู่ตามป่าเขา มีปฏิปทาอันแน่วแน่ที่จะดำรงบวรพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองในภาคอีสาน

ด้วยมีจิตใจตั้งมั่น ปฏิบัติธรรมตามแนวทางแห่งองค์พระศาสดา ดำเนินชีวิตไปสู่ความถูกต้องดีงาม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน