อริยะโลกที่ 6 : พระครูมงคลวรคุณ วัดบ้านหนองคลอง

อริยะโลกที่ 6 : พระครูมงคลวรคุณ วัดบ้านหนองคลอง “พระครูมงคลวรคุณ” หรือ “หลวงปู่สม ปุญญาชโร” อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านหนองคลอง ต.บ้านหวาย อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม พระเถระที่น่าเลื่อมใสยกย่องและอยู่ในศรัทธามาโดยตลอด

มีนามเดิม สม เศษรินทร์ เกิดเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2452 ที่บ้านเปลือย ต.หนองคู อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ครอบครัวมีอาชีพทำไร่ทำนา เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดบ้านเปลือย จากนั้นได้ออกมาช่วยงานครอบครัวทำไร่ทำนา

ช่วงชีวิตวัยเยาว์ค่อนข้างอาภัพ เพราะบิดา-มารดาเสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกัน ตัวท่านและพี่ชาย รวมทั้งน้องสาวอีกสองคนที่ยังเล็กอยู่ ต้องไปอยู่ในอุปการะของลุงและป้า ซึ่งเป็นภาระหนักมาก เนื่องเพราะลุงกับป้าก็มีบุตรที่ต้องเลี้ยงดูรับผิดชอบอยู่แล้วถึง 8 คน เมื่อรวมกันก็เป็น 12 คน ถึงฐานะจะยากจนแต่ลุงกับป้า ก็ให้ความรักความเอ็นดู เป็นอย่างดี

เมื่ออายุย่างเข้าวัยหนุ่ม นายสมออกรับจ้างทำงานสารพัดหาเลี้ยงน้อง และตอบแทนพระคุณป้ากับลุง ที่ให้ชีวิตอุปการะเลี้ยงดูตนเองจนเติบใหญ่

จนเมื่ออายุได้ 30 ปี ตัดสินใจเข้าพิธีอุปสมบท ในปี พ.ศ.2482 ณ สิมน้ำบ้านหนองคลอง ต.หนองคู อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม

อริยะโลกที่ 6 : พระครูมงคลวรคุณ วัดบ้านหนองคลอง

จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านหนองคลอง ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระธรรม-วินัย จนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ และด้วยความที่เป็นผู้ใฝ่การศึกษาท่านยังเรียนอักขระขอม และอักขระตัวธรรม รวมทั้งศึกษาไสยเวทจากพระอาจารย์บุญมา ธัมมวโร เจ้าอาวาสวัดหนองคลองในขณะนั้น จนมีความเชี่ยวชาญในการอ่านเขียน

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้รักสงบ จึงชมชอบการปฏิบัติกรรมฐานและเดินธุดงค์ไปยังป่าเขาหลายแห่งในภาคอีสาน เพื่อแสวงหาความวิเวกปฏิบัติธรรมหาทางพ้นทุกข์ตามรอยพระตถาคต ถือเป็นวัตรปฏิบัติที่หลวงปู่ทำติดต่อกันเสมอต้นเสมอปลายจนตราบสิ้นอายุขัยของท่าน

ในปี พ.ศ.2504 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองคลอง ตลอดเวลาในฐานะเป็น ผู้ปกครองวัด ท่านพยายามพัฒนาศาสนสถานภายในวัดจนมีครบหมด อุโบสถ ศาลาการเปรียญ ฌาปนสถาน ศาลาธรรมสังเวช ฯลฯ

ด้วยความที่ท่านเกิดในครอบครัวที่ยากไร้ เห็นความยากลำบากของลูกหลานชาวบ้านที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเพราะอยู่ห่างไกลตัวอำเภอ ท่านจึงจัดตั้งโรงเรียนสอนปริยัติธรรมขึ้นในวัดบ้านหนองคลอง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกหลานชาวบ้านคนยากคนจน

หลวงปู่ยังเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนสร้างศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด ส่วนงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาท่านก็อุทิศตนปฏิบัติหน้าที่เทศนาอบรมสั่งสอนด้วยความแข็งขันไม่เห็นแห่ความเหนื่อยล้าแต่อย่างใด

ตลอดชีวิตสมณเพศหลักธรรมที่ท่านพร่ำสอนบรรดาญาติโยมคือการรักษาศีล 5 ให้ประพฤติแต่กรรมดี มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อมนุษย์และสัตว์เพื่อนร่วมโลก ซึ่งเป็นหลักธรรมง่ายๆ เพราะหากปฏิบัติได้ครบทุกข้อแล้วชีวิตจะพานพบแต่ความเจริญรุ่งเรือง

พ.ศ.2539 หลวงปู่สมได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูมงคลวรคุณ เป็นพระครูเจ้าอาวาสชั้นโท

ถึงแม้จะล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัยแต่วัตรปฏิบัติของหลวงปู่ก็ยังคงเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อคราวใดที่ญาติโยมมีทุกข์ทางใจหลวงปู่ก็ช่วยดับทุกข์ให้ด้วยพุทธมนต์ไม่เคยขัดศรัทธา และถึงแม้ท่านจะเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายพลานามัยแข็งแรงดี แต่ท่านก็หนีไม่พ้นความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งเป็นสัจธรรมเมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับ

ในปี พ.ศ.2547 เริ่มอาพาธด้วยอาการปัสสาวะไม่ออกต้องเข้าออกโรงพยาบาลรักษาตัวอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งช่วงปลายปี เกิดหกล้มศีรษะกระแทกพื้น เลือดไหลไม่หยุดบรรดาญาติโยมได้ส่งท่านเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดมหาสารคาม แต่ด้วยท่านมีอายุมากแล้ว ร่างกายจึงไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษา

สุดท้าย ท่านจากไปด้วยอาการสงบ ช่วงเช้าของวันพุธที่ 22 ก.ย.2547 สิริอายุ 95 ปี พรรษา 65

โดย…เชิด ขันตี ณ พล

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน