“บิ๊กตู่” สั่ง “บิ๊กเต่า” จัดการคนทุจริตกล้าไม้ให้เด็ดขาด ด้านธัญญา ไม่หนักใจ ชี้เป็นเรื่องเก่า หากตรวจสอบใหม่ยินดีชี้แจง โบ้ยทุกสำนักก็ทำ ถ้าผิดสำนักงบประมาณจะแปรงบให้ทำไม ไลน์กลุ่มข้าราชการระอุ เชื่อไม่มีใครทำอะไรอธิบดีได้

สั่งสอบธัญญา /กรณีนายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) สั่งสอบสวนนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต กรณีโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณบุคลากรกว่า 109 ล้านบาท ไปเพาะชำ 55 ล้านกล้าไม้ เมื่อครั้งนายธัญญา ดำรงตำแหน่งผอ.สำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ เมื่อปี 2553 และมีการเรียกเงินทอน 50 เปอร์เซ็นต์นั้น

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วมประชุม ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมพล.อ.ประยุทธ์ สอบถามกรณีดังกล่าวกับพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ พร้อมระบุว่า หากใครทุจริตเรื่องกล้าไม้ต้องจัดการให้เด็ดขาด ซึ่งพล.อ.สุรศักดิ์รับปากว่าจะดำเนินการต่อไป

ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า การตวจสอบของปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ในเรื่องดังกล่าว ตนไม่หนักใจ ไม่ซีเรียส เพราะทำทุกอย่างตรงไปตรงมา และที่สำคัญพล.อ.สุรศักดิ์ ไม่ได้ว่าอะไรตน การดำเนินการเพาะชำกล้าไม้ของสำนักส่งเสริมการปลูกป่า ที่ขณะนั้นตนผอ.นั้น ไม่ได้ดำเนินการเพียงหน่วยงานเดียว แต่ยังมีสำนักแผนงานฯ สำนักจัดการป่าชุมชน สำนักสนองงานพระราชดำริ สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ ซึ่งทุกหน่วยงานดำเนินการเหมือนกันหมด

ส่วนกล้าไม้ที่นำไปปลูก ซึ่งขณะนี้จะมีอายุถึง 7 ปี จะรอดหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาคสนามที่จะดำเนินการต่อ เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ในบ้าน ตายก็มี รอดก็มี

“เรื่องการเปลี่ยนแปลงงบประมาณ ไม่ใช่จู่ๆ ผมจะทำได้ทันที แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากอธิบดีกรมป่าไม้และรัฐมนตรี ที่สำคัญ คือ สำนักงบประมาณ หากสำนักงบประมาณไม่อนุมัติให้แปรงบประมาณ ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั้นเรื่องดังกล่าวก็เป็นเรื่องเก่า ซึ่งการนำมาตรวจสอบใหม่ ผมก็ยินดีให้ความร่วมมือ ยืนยันว่าไม่หนักใจ” นายธัญญา กล่าว

ขณะที่น.ส.สุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เนื่องจากกำลังชี้แจงงบประมาณ แต่อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแปรงบประมาณดังกล่าว ได้โอนเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 134 ลงวันที่ 13 ส.ค.2553 จากงบบุคลากร สำนักบริหารกลาง ไปเป็นงบลงทุนกิจกรรมเพาะชำกล้าไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว 103,716,100 บาท เพาะกล้าไม้ทั่วไป 50,720,000 กล้า มีการเพาะกล้าไม้ขนาดใหญ่ 972,300 กล้า และเพาะชำกล้าไม้ทั่วไปของสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) 500,000 กล้า

นอกจากนี้ยังมีการโอนเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 155 ลงวันที่ 20 ส.ค.2553 จากงบบุคลากร สำนักบริหารกลาง ไปเป็นงบลงทุนกิจกรรมเพาะชำกล้าไม้ กิจกรรมเพาะชำกล้าไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว 4,659,000 บาท และงบดำเนินงานกิจกรรมรักษาสวนป่าเดิม ไปเป็นงบลงทุนกิจกรรมเพาะชำกล้าไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว 938,000 บาท รวม 5,597,900 บาท เพาะชำกล้าไม้ทั่วไป 2,900,000 กล้า รวมโอนเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น 109,313,100.00 บาท มีการเพาะชำกล้าไม้ 55,092,300 กล้า ซึ่งเป็นการโอนเปลี่ยนแปลงเฉพาะปลายปีเท่านั้น

ในส่วนบประมาณประจำปีปกติ และเงินนอกงบประมาณ ประจำปี 2553 ก็มีการเพาะชำกล้าไม้และปลูกป่ามากกว่าโอนเปลี่ยนแปลงอีกหลายเท่าตัว โดยกรมป่าไม้จะตรวจสอบเบื้องต้น 6 รายการ คือ 1.บัญชีกล้าไม้ ชนิด จำนวน 2.ระยะเวลาดำเนินการเพาะชำกล้าไม้ 3.บัญชีรายชื่อผู้ขอกล้าไม้ และสถานที่ที่ปลูก

4.บัญชีคนงานและการเบิกจ่ายเพื่อเพาะชำกล้าไม้ 5.หลายหน่วยงานไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณ หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรได้งบประมาณมากน้อยไม่เท่ากัน ใช้อะไรพิจารณา และ 6.กล้าไม้ทั้งหมด 55 ล้านกล้า ตอนนี้อยู่ที่ไหน

ทั้งนี้ เวลา 10.00 ในวันพรุ่งนี้(19มิ.ย.) นายธัญญา ได้เรียกประชุมผู้บริหารกรมอุทยานฯ ทั่วประเทศ พร้อมกำชับว่าห้ามส่งตัวแทนมาเข้าร่วมประชุม

อ่าน ‘ปลัดทส.’ ตั้งกก.สอบ ‘อธิบดีอุทยานฯ’ เพาะกล้าไม้ฉาว! เจ้าตัวอ้างเป็นนโยบายรัฐ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน