ลุงเจ้าของที่ ซัดทอด พระชั้นผู้ใหญ่สั่งตัดไม้ หวงห้ามในอุทยาน บุกยึดได้คาลานวัด อายุกว่า 100 ปี ได้กว่า 30 ท่อน แถมพาคนงานเข้ามาขน

พระชั้นผู้ใหญ่สั่งตัดไม้ วันที่ 27 ส.ค. กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชได้รับรายงานว่า ได้มีเหตุการณ์ตัดโค่นไม้หวงห้ามขนาดใหญ่จำนวนมาก ก่อนจะมีการสนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นศ.1 สิชล-ขนอม ตชด.424 สิชล ตำรวจ ปทส. ฝ่ายปกครอง และ ตำรวจ สภ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เข้าตรวจยึดไม้ซุงขนาดใหญ่ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอยู่ภายในพื้นที่บ้านร่องท้ายน้ำร้อน รอยต่อหมู่ 7 ต.เขาน้อย และหมู่ 1 ต.สี่ขีด อ.สิชล รอยต่อของป่าสงวนแห่งชาติป่ายางโพรง และป่าเขาใหญ่ และเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด ซึ่งเมื่อตรวจพิกัดทางดาวเทียมพบว่าพื้นที่นี้อยู่ในการครอบครองทำประโยชน์ของ นายสมพร สุทธิพันธ์ อายุ 71 ปี ที่ใช้สิทธิครอบครองทำประโยชน์ตามมติ ครม.เมื่อ 20 มิ.ย.2541 เนื้อที่ราว 12 ไร่

และพบ นายสมพร อยู่ในที่เกิดเหตุจึงนำตัวมาสอบถามข้อมูลและตรวจนับจำนวนท่อนซุงที่นำไปเก็บที่วัดแห่งหนึ่ง เป็นไม้ขนาดใหญ่อายุมากกว่า 100 ปี มีไม้จำปาทอง 9 ท่อน, ไม้ไข่เขียว 5 ท่อน, ไม้สุเหรียญ 11 ท่อน, ไม้ตะโก 2 ท่อน, ไม้ลำแพน 7 ท่อน ซึ่งทั้งหมดเป็นไม้หวงห้าม และการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นความผิดตาม พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ และ พรบ.อุทยานแห่งชาติ

ขณะที่ นายสมพร ยอมรับว่าเป็นพื้นที่ของตน แต่การตัดโค่นนั้นไม่ได้เป็นผู้ตัดโค่น โดยเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา มีพระผู้ใหญ่ระดับพระสังฆาธิการมีตำแหน่งทางปกครอง 2 รูป เข้ามาสั่งการและชี้ให้ตัด จากนั้นในวันที่ 21-23 ส.ค. มีพระสงฆ์อีก 2 รูป พาคนงาน 4 คน มีเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์จำนวน 2 เครื่อง พร้อมรถบรรทุกขนาดใหญ่ เข้ามาตัดไม้แล้วบรรทุกออกไปครั้งละ 2-3 ท่อน วันละ 2 ครั้ง โดยทราบว่าได้นำไปเก็บไว้ที่วัด 4 แห่งในอำเภอสิชล

เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังเข้าติดตามตรวจยึดไม้ที่ถูกนำออกไป พร้อมเข้าพบเจ้าอาวาสของวัดซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องรายสำคัญ ตามที่ นายสมพร ซัดทอด พบไม้ของกลางวางทางทิศใต้ของพื้นที่วัดพบไม้จำปาทองขนาดใหญ่ 3 ท่อน ขนาดความยาวท่อนละ 4.10 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 60 ซม. ถึง 1 เมตร เส้นรอบวง 3 เมตร เจ้าหน้าที่จึงตีตราตรวจยึด ส่วนอีก 3 วัดในอำเภอสิชลไม่พบไม้คาดว่าน่าจะถูกนำไปแปรรูปที่อื่น

ในส่วนของ นายสมพร เจ้าหน้าที่ได้บันทึกในฐานะผู้ครองครองที่ดินทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติแปลงที่เกิดเหตุ และได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดพร้อมแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.เกียรติก้อง หนูจันทร์ สว.(สอบสวน) สภ.สิชล เพื่อดำเนินการสอบสวนติดตามผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งมีพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ระดับพระสังฆาธิการ อย่างน้อย 4 รูป เป็นผู้ควบคุมสั่งการในลักษณะขบวนการ

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้เตรียมทำเรื่องแจ้งพฤติการณ์ไปยังมหาเถรสมาคมโดยตรง เพราะหากดำเนินการในระดับจังหวัดอาจไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากเป็นพระที่อยู่ในข่ายผู้กว้างขวางในพื้นที่ และนอกจากนี้ยังได้มีการแจ้งความไปแล้วเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับพบว่ามีเพียงการลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น และยังไม่มีการระบุเลขคดีอาญา และเลขยึดทรัพย์ ตามกระบวนการของพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน