รำลึก 6 ปี ทหารวิสามัญ ‘ชัยภูมิ ป่าแส’ จี้เปิดภาพวงจรปิด น้องชาย เผยเศร้าต้องออกจากโรงเรียน ครอบครัวยากลำบากมากขึ้น หวังความยุติธรรม

วันที่ 17 มี.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (16 มี.ค.) ที่ลานโบสถ์ หมู่บ้านกองผักปิ้ง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีการจัดงาน “ยกเตาเล่าเรื่องชัยภูมิ รำลึกครบรอบ 6 ปีวิสามัญฆาตกรรมชัยภูมิ ป่าแส” เยาวชนนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักกิจกรรมเยาวชนชาวลาหู่ โดยมีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมกันเดินทางไปที่หลุมศพของชัยภูมิเพื่อวางดอกอ่อเวะ ซึ่งเป็นดอกไม้แห่งความคิดถึงของชาวลาหู่ เพื่อรำลึกถึงการเสียชีวิตของชัยภูมิ

ขณะที่ลูกศิษย์ของชัยภูมิได้แสดงเต้นจะโก่ ซึ่งเป็นการแสดงศิลปะวัฒนธรรมของชาวลาหู่ มีการแสดงดนตรีจากครอบครัวของชัยภูมิ นอกจากนี้ ยังมีการฉายหนังสั้นเรื่อง See You Again โดยมูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดนอีกด้วย และกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์เด่นภายในงาน คือกิจกรรมยกเตาเล่าเรื่องชัยภูมิ ที่ผู้เข้าร่วมงานนำเตาหมูกระทะมาจากบ้าน และมาล้อมวงกินหมูกระทะเพื่อมาพูดคุยรำลึกถึงชัยภูมิ

น.ส.ยุพิน ซาจ๊ะ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากกลุ่มด้วยใจรักและผู้ดูแลของชัยภูมิ กล่าวเปิดงานรำลึกถึงว่า การต่อสู้ของเราตลอด 6 ปีที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้หทารหรือเจ้าหน้าที่ราชการคนไหนมาทำอะไรกับกลุ่มชาติพันธุ์ของเราโดยไม่มีเหตุผล หรือกระทำเหมือนเช่นเดียวกับชัยภูมิที่วิสามัญฆาตรกรรม ก่อนแล้วค่อยไล่ให้พวกเราไปหาความยุติธรรม

การที่พวกเราลุกขึ้นมาเรียกร้องความยุติธรรมไม่ใช่ให้กับชัยภูมิเท่านั้น แต่เราเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพวกเราชาติพันธุ์ทุกคน วันนี้อยากให้ทุกคนมาร่วมรำลึกถึงชัยภูมิร่วมกัน และมาร่วมกันลุ้นคำตัดสินของศาลฎีกาว่าจะพิจารณาให้กองทัพบกชดใช้ และเยียวยา ค่าเสียหายให้กับครอบครัวของชัยภูมิหรือไม่ ซึ่งศาลน่าจะมีคำพิพากษาในเร็วๆนี้

ขณะที่ นายชานนท์ ป่าแส น้องชายของชัยภูมิ กล่าวว่า ตั้งแต่ที่ตนเสียพี่ชายไปนั้นชีวิตครอบครัวของเราก็อยู่อย่างยากลำบากมาก ตนต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาดูแลพ่อแม่ จนพ่อเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว หลังพ่อเสียตนก็ต้องออกไปหางานทำที่ต่างจังหวัดเพื่อมาดูแลแม่ให้ได้ ซึ่งตนพร้อมที่จะทำหน้าที่ แต่สิ่งที่ตนอยากเห็นมากที่สุดคือภาพของพี่ชัยภูมิได้รับความยุติธรรม และตนอยากเห็นว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้าศาลฎีกาจะพิพากษาคดีอย่างไร

ด้าน น.ส.สุธีรา เปงอิน ตัวแทนจาก Protection International (PI) กล่าวถึงชัยภูมิและแนวทางในการต่อสู้คดีของชัยภูมิว่า ภาพทรงจำที่เห็นชัยภูมิ เห็นถึงความรัก และมุ่งมั่นของแม่นาปอยและครอบครัว แม้เธอจะผ่านความสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักจากคมกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เธอกลับเปลี่ยนความสูญเสียเป็นพลังในการที่จะเดินหน้าตามหา เรียกร้อง และยังส่งพลังให้ครอบครัวของ นายอะเบ แซ่หมู่ ลุกขึ้นสู้ เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตกรรม ก่อนเกิดเหตุการณ์ของชัยภูมิ ประมาณ 1 เดือน ซึ่งขณะนี้ครอบครัวของอะเบได้รับการชดเชย และเยียวยา ซึ่งอย่างน้อยๆเป็นสิ่งที่รัฐต้องทำ

​น.ส.สุธีรา กล่าวต่อว่า ส่วนคดีของชัยภูมิ ตั้งแต่ปี 2562 ครอบครัว และทีมทนายความของชัยภูมิ ยื่นฟ้องคดีต่อกองทัพบก ในฐานะผู้บังคับบัญชา และหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ทหารที่วิสามัญฯชัยภูมิในคดีละเมิด ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ตั้งแต่ศาลชั้นต้นถึงปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่างการรอให้ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษา ซึ่งที่ผ่านมาครอบครัวและทีมทนายเคารพในคำตัดสินของศาล แม้จะมีความเห็นแย้งต่อคำพิพากษาในบางประเด็น

ซึ่งครอบครัว เพื่อน และทีมทนาย ยังตามหา และเรียกร้องให้กองทัพบกเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญ น่าเชื่อถือ และที่มีคุณค่า เพื่อพิสูจน์ความจริง และความยุติธรรมที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด

ทั้งนี้ มีรายงานระบุว่ามีการทำสำเนากล้องวงจรปิดไว้แล้วก่อนที่จะส่งให้พนักงานสอบสวน แต่จนถึงปัจจุบันภาพเหตุการณ์ในกล้องวงจรปิดก็ยังไม่ปรากฎในคดีหรือในสาธารณะแต่อย่างใด

“วันนี้ (17 มี.ค.) ครบ 6 ปี ที่ชัยภูมิ ป่าแสถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตรกรรม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาครอบครัว เพื่อนๆ และทีมทนาย ได้ต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับชัยภูมิมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้กองทัพบกเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์วันเกิดเหตุไว้ได้ รวมถึงการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากกองทัพบกซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด ที่วิสามัญฆาตกรรมชัยภูมิ

ถึงแม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จะยกฟ้องให้กองทัพบกไม่ต้องชดใช้ให้กับครอบครัวชัยภูมิ แต่ล่าสุดศาลฎีกาได้รับคดีนี้เข้าสู่การพิจารณา และจะมีคำพิพากษาประมาณ 6 เดือนหลังจากนี้ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ และคืนความยุติธรรมให้ครอบครัวชัยภูมิ ป่าแส อีกครั้ง” น.ส.สุธีรา กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน