4 ปี ‘ชัยภูมิ ป่าแส’ ถูกทหารยิงเสียชีวิต ความจริงไม่ปรากฎ วงจรปิดสาบสูญ ครอบครัว ลุยยื่นอุทธรณ์ คำสั่งศาลชั้นต้น หมู่บ้านบางกลอย วางดอกไม้รำลึก
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
ครบรอบ 4 ปี ที่ ชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักกิจกรรมชาติพันธุ์ลาหู่ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจถาวรบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 มี.ค.60 ที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ยืนยันว่าได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว พบว่าทหารทำทุกอย่างตรงกับคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกล่าวว่า “ผมว่าสมเหตุสมผลในการยิงป้องกันตัว ถ้าเป็นผมอาจกดออโต้ก็ได้”
- ศาลยกฟ้อง คดีทหารยิง “ชัยภูมิ ป่าแส” กองทัพไม่ต้องชดใช้ เชื่อเอี่ยวยา ขว้างระเบิดสู้
- ทนายมึนภาพวงจรปิดคดีวิสามัญ “ชัยภูมิ ป่าแส”หาย ตร.ส่งฮาร์ดดิสก์ให้ศาลไม่มีภาพวันเกิดเหตุ
- เสียงสุดท้าย ‘ชัยภูมิ ป่าแส’ สะท้อนปัญหาเด็กชาติพันธุ์ ก่อนถูกวิสามัญฯ
แต่ทว่าหลังจากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดอีกเลย ทั้งที่ครอบครัว พยายามออกมาเรียกร้องให้เปิดความจริงจากเหตุการณ์ดังกล่าวออกมา เพื่อไขข้อข้องใจว่าแท้จริงแล้ว ‘ชัยภูมิ’ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหารด้วยการขว้างระเบิดใส่จริงหรือไม่
ในส่วนของคดีความ ศาลจังหวัดเชียงใหม่ มีคำสั่งชี้ผลไต่สวนคดีการตายออกมา ระบุว่า ชัยภูมิ ถูกยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหาร และเสียชีวิตบริเวณด่านรินหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ขณะที่ คดีความใน ศาลแพ่ง ที่ นางนาปอย ป่าแส มารดาของ นายชัยภูมิ ป่าแส เป็นโจทก์ฟ้องกองทัพบกเป็นจำเลย ให้ชดใช้ทางละเมิด กรณีเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองทัพบก วิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ บริเวณ ด่านรินหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
โดยศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง โดยระบุว่า พลทหารยิงผู้ตายเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวสมควรแก่เหตุ จึงไม่ถือว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์
อย่างไรก็ดี ครอบครัวชัยภูมิ ได้ยื่นอุทธรณ์ คำตัดสินศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่า ชัยภูมิ ถูกวิสามัญฆาตกรรมโดยไม่ชอบจากเจ้าหน้าที่ทหาร
ขณะเดียวกัน ที่หมู่บ้านSaveบางกลอย ข้างทำเนียบรัฐบาล มีการจัดรำลึกให้กับชัยภูมิ โดยมีการจุดเทียน และนำดอกไม้มาวางไว้หน้าทำเนียบรัฐบาล
เนื่องในโอกาสครบรอบ 4 ปี ที่เด็กหนุ่มชาวลาหู่จากไป เป็น 4 ปี ที่ครอบครัว ชัยภูมิ ป่าแส ยังเจ็บปวด เป็น 4 ปี ที่ยังหวังเห็นภาพในกล้องวงจรปิด เป็น 4 ปีที่พวกเขายังรอคอยความจริง และ ความยุติธรรม
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Vorapoj Osathapiratana
