เคยถูกบูลลี่ เปิดตัวตน มิสซูปร้าฯ “แอนโทเนีย โพซิ้ว” ซุ่มฟิตร่าง พัฒนาตัวเอง มุ่งชิงมงเวทีนางงามระดับแกรนด์สแลม

เคยถูกบูลลี่ แทนที่จะทำตัวเด่นดังเป็นข่าว “แอน-แอนโทเนีย โพซิ้ว” มิสซูปร้าเนชั่นแนล ไทยแลนด์ 2019 (Miss Supranational Thailand 2019) กลับซุ่มฝึกฝนตัวเอง ไม่ว่าจะออกกำลังกาย และศึกษาหาความรู้รอบตัว เพื่อบินไปประชันความสวยรวยสมองกับสาวงามจากทั่วโลกบนเวที มิสซูปร้าเนชั่นแนล 2019 (Miss Supranational 2019) 1 ใน 5 ของเวทีการประกวดระดับแกรนด์สแลม ซึ่งจะมีการตัดสินรอบสุดท้ายที่ประเทศโปแลนด์ ราวต้นเดือนธันวาคม ศกนี้

แนวคิดของเวทีมิสซูปร้าเนชั่นแนลคือ ราชินีผู้อ่อนน้อมถ่อนตน ด้วยความงามที่ออกมาจากข้างใน (Humble Queen with Natural Beauty) และปีนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 แล้ว โดยยกเลิกการแข่งขันด้านรูปร่างดีที่สุด (The Best Body Competition) ออก ด้านกองประกวดมิสซูปร้าฯ ไทยแลนด์ จึงจัดแคมเปญ Stop Body Shaming เพื่อรณรงค์ให้หยุดการวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างคนอื่นเสียที

แอน มิสซูปร้าฯ ไทยแลนด์ คนปัจจุบันซึ่งกำลังจะบินไปเก็บตัวที่ประเทศโปแลนด์ในวันที่ 16 พฤศจิกายน ศกนี้ เคยผ่านการถูกดูถูกเย้ยหยันเรื่องรูปร่าง จนแทบอยากหนีออกจากวงการนางแบบ เธอมานั่งเปิดอกถึงความกดดันต่างๆ กับ ข่าวสด บิวตี้ ชมคลิป แล้วผู้หญิงเราจะเกิดแรงบันดาลใจจ้า

สรุป

1. “แอน-แอนโทเนีย โพซิ้ว” มิสซูปร้าฯ ไทยแลนด์ 2019 เป็นลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก เคยประกวดเดอะเฟซ ซีซั่น1 (The Face Season1) ตอนอายุ 17 ปี ปัจจุบันอายุ 22 ปี กำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด

2. สนใจส่งใบสมัครออนไลน์เข้าประกวดมิสซูปร้าฯ ไทยแลนด์ 2019 ด้วยตัวเอง เพราะประทับใจนโยบาย ได้แก่ เรื่องสุขภาพ การท่องเที่ยว และการช่วยเหลือคนอื่น โดยเฉพาะอย่างแคมเปญ Stop Body Shaming

ตอนหนูได้ยินว่า Stop Body Shaming ก็มีความคิดเยอะค่ะ เพราะว่าหนูเคยโดนมาแล้ว ไม่อยากให้เด็กผู้หญิงผู้ชายมีความรู้สึกที่หนูมีตอนหนูโดน รู้สึกเจ็บปวดมากค่ะ

เธอถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรูปร่าง ตั้งแต่ตอนประกวดเดอะเฟซฯ

“ตอนประกวดที่เดอะเฟซฯ มีหลายคนบอกว่าหุ่นไม่สวย อ้วนเกินไป และตอนหนูเข้าวงการแล้ว เค้าบอกต้องลดอีกเยอะ ไม่ได้ แบบนี้ค่ะ การที่เค้าพูดแบบนั้น หนูก็รู้ว่าเค้าอาจจะหวังดีให้หนู ว่าโอเค ถ้าลดอีกจะเข้าวงการได้ แต่ว่าไม่มีใครบอกว่าถ้ามั่นใจในตัวเองแล้ว ทำอะไรก็ได้ ไม่มีใครบอกหนู มีแค่พ่อแม่หนู”

  1. เห็นชัดว่า “แอน” มีทัศนคติที่น่าสนใจมาก เธอหันมาออกกำลังกาย เพราะเธอได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายมากกว่าเรือนร่างที่ผอมลง

“ตั้งแต่เดอะเฟซฯ หนูออกกำลังกาย หนูเปลี่ยนความคิดของหนูอ่ะค่ะ ตอนนั้นหนูอยากเป็นตัวของตัวเอง ไม่อยากลดนี่ไม่อยากลดนู่น แต่หนูไม่ได้คิดว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ช่วยตัวเองด้วย หนูเปลี่ยนความคิดของหนู ตอนหนูมาประกวดหนูคิดเลยว่า ‘ถ้าฉันอยากมีความสุข ต้องออกกำลังกาย’ เพราะออกกำลังกายช่วยบริหารความคิดด้วย หนูจึงตัดสินใจที่จะมาประกวดเวทีนี้”

  1. “แอน” สร้างแรงจูงใจให้ตัวเองออกกำลังกายอย่างจริงจัง ด้วยการพูดกับตัวเองว่าถ้าไม่มั่นใจในหุ่นตัวเอง จะไม่ยอมใส่ชุดว่ายน้ำขึ้นเวทีเด็ดขาด

“เพราะว่าตอนแรกก่อนที่ไปประกวดของมิสซูปร้าไทยแลนด์ หนูบอกตัวเองบอกคุณแม่บอกว่าหนูจะไม่ขึ้นเวทีเลยถ้าหนูไม่มั่นใจในหุ่นหนู เพราะว่าต้องเดินในบิกินี่ใช่มั้ยคะ หนูร้องไห้ ไม่ยอมขึ้นเลย ทุกวันหนูออกกำลังกายใส่เสื้อกันหนาว ปิดแอร์ปิดกระจกปิดทุกอย่าง บอกว่าต้องทำให้ได้ ต้องทำให้หุ่นได้ ไม่งั้นจะไม่เดิน เลยต้องทำเหมือนเดิม ตอนนี้กำลังออกกำลังกายอยู่ ทำฟิตเนส ออกกำลังกายแบบครบวงจร แล้วก็ฝึกความรู้หลายๆ อย่าง ที่กำลังเกิดขึ้นในโลก ไม่ใช่แค่ในประเทศของเรา แล้วก็การทำผมแต่งหน้า”

  1. เธอตัดสินใจประกวดนางงาม ไม่ใช่เพื่อตัวเอง หากเพื่อได้ช่วยเหลือคนอื่น

ตอนหนูตอบคำถามว่าทำไมหนูอยากมาที่นี่ มาประกวดเวทีนี้ หนูตอบในการที่อยากช่วยคนอื่นมากกว่าเพื่อที่จะมาทำเพื่อตัวเอง

เธอยังพูดตรงๆ กับข่าวสดบิวตี้ อีกว่าเป็นคนปกติก็ช่วยเหลือคนอื่นได้ แต่การเป็นนางงามจะช่วยให้มีคอนเนคชั่นทำงานเพื่อสังคมได้สะดวกง่ายขึ้น

  1. สำหรับการแข่งขันระดับเวทีโลก เธอก็พกพาความมั่นใจไปด้วย

“ถ้าหนูไปโปแลนด์แล้ว หนูรู้ว่าหนูมาเพื่ออะไร มาเป็นตัวแทนประเทศของหนู อยากโชว์ว่าประเทศของเราดียังไง แล้วก็เราจะทำยังไงเพื่อที่จะช่วยกันทำให้โลกเราดีขึ้น ถ้าหนูมีในสมองใช่มั้ยคะ มันก็สร้างแรงจูงใจให้หนูด้วย”

มุมมองผู้จัด

“โจ-กัมพล ทองไชย” ผู้อำนวยการกองประกวดมิสซูปร้าเนชั่นแนล ไทยแลนด์

“วันแรกที่เราเจอเค้า เราก็รู้ประวัติ คือ เราต้องเช็คน้องทุกคน ทำอะไรมาก่อน อ้าว ยูว์ไปเดอะเฟซฯ มาก่อน แล้วทำไมอยู่ดีๆ อยากมาประกวดนางงาม เราก็ถามเค้า ได้คุยกันจริงๆ เลยได้เข้าใจตัวตนของเค้า”

“จริงๆ เค้าคือนางงาม เค้าไม่ใช่นางแบบ นางแบบจะมีบุคลิกที่มั่นใจ พร้อมทำงานอยู่หน้ากล้อง แต่นางงาม ยูว์ต้องมีมากกว่านั้น ยูว์ต้องเป็นคนที่ดีจากข้างใน อยากที่จะให้ อยากที่จะทำอะไรเพื่อสังคม ซึ่งเค้ามี”

“ตั้งแต่แรกที่เราได้รู้จัก เค้าไม่ธรรมดา หลังจากนั้นก็จับตามอง ดูพฤติกรรมหลายๆ อย่าง ฉะนั้นกว่าจะได้ผลตัดสินออกมา ตั้งแต่คณะกรรมการชุดที่1 ชุดที่2 ทีมงาน จนถึงวันตัดสิน”

“คนนี้เราคิดว่ามีครบหลายด้าน ทำให้เรารู้สึกเรากลับมามีไฟ อยากทำให้เวทีเป็นที่รู้จักพร้อมไปกับเค้า”

“เนย-ณหทัย เล็กบำรุง” ผู้ถือลิขสิทธิ์มิสซูปร้าเนชั่นแนล ไทยแลนด์

ความที่จะสมบูรณ์ของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีภาระที่ไม่ใช่ชื่อเค้า แต่ว่าเป็นมิสไทยแลนด์ เนยว่าค่อนข้างยิ่งใหญ่ เราก็อยากส่งเค้าไปสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นแล้วในเรื่องของเสื้อผ้าหน้าผม เรามีทีมงานพร้อม ในชุดประจำชาติของเรา ได้อาจารย์ที่ทำลายผ้าขึ้นมาใหม่ให้กับเราเลย”

“และก็ในเรื่องของบุคลิกของเค้า ต้องปรับบางส่วน ผิว รูปร่าง ทุกอย่างต้องสมบูรณ์จริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่ได้เปลี่ยนให้เค้าเป็นคนอื่น แต่ให้เป็นแอนในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด พร้อมที่สุด และก็ไปเป็นตัวแทนประเทศไทย อันนั้นคือ สิ่งที่เราจะทำค่ะ”

“พูดสั้นๆ คำเดียวเลยนะคะ เราภูมิใจในความเป็นแอนมาก ตั้งแต่รูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอ พูดแล้วยังรู้สึกเลยว่าเราตื้นตันจังเลย เราขอบคุณทุกอย่างที่ส่งเด็กผู้หญิงคนนี้มาให้เรา”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน