จับแล้ว จอมโจรโอเล่ เปิดเฟซประมูลสินค้าไอที ก่อนส่งลูกอมให้แทน บิ๊กโจ๊ก นำทีม แถลง 3 คดีรวด ผลงานชุดสืบสวน บก.ปอศ. สตม. ตร.ท่องเที่ยว และชุด ศปอส.ตร

จอมโจรโอเล่ / เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(บก.ปอศ.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ธีรพล คุปตานนท์ รรท.ผบช.ทท. พ.ต.อ.วรพจน์ ดิษยบุตร รองผบก.ปอศ. ตำรวจสตม. ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจบก.ปอศ. และชุด ศปอส.ตร. ร่วมกันแถลงจับกุมมิจฉาชีพหลอกร่วมลงทุน จำนวน 3 คดีดังนี้

คดีแรก จับกุมนายวัชรินทร์ แก้วศรี อายุ 28 ปี หรือฉายาที่ชาวเน็ตตั้งให้คือ จอมโจรโอเล่ ได้ที่ลานจอดรถ ห้างสรรพสินค้าแม็คโคร สาขาจรัญสนิทวงศ์ หลังได้รับร้องเรียนจากประชาชนกว่า 100 คน ว่าตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ หลอกประมูล ขายสินค้าไอทีออนไลน์ มูลค่าความเสียหายกว่า 300,000 บาท

โดยนายวัชรินทร์ เป็นพ่อค้าขายของออนไลน์ ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ Watcharin Kaewsri โฆษณาชักชวนให้ประชาชนทั่วไป มาประมูลซื้อสินค้าไอที จากกลุ่มเฟซบุ๊กซื้อขายอุปกรณ์ไอทีและคอมพิวเตอร์ ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด แต่เมื่อมีผู้ประมูลซื้อได้กลับส่งพัสดุเป็นลูกอมโอเล่ ซูกัส ไปให้แทน

ต่อมานายวัชรินทร์ ออกมาโพสต์อ้างว่าถูกดีลเลอร์โกง และไม่ทราบเรื่องการส่งลูกอมไปให้กับผู้เสียหาย พร้อมขู่ห้ามใครโพสต์กล่าวหาตัวเองให้ได้รับความเสียหายจะฟ้องดำเนินคดี

แต่จากการสืบสวนทราบว่า การจัดส่งกล่องพัสดุให้กับผู้เสียหายนั้น นายวัชรินทร์เป็นผู้จัดส่งกล่องพัสดุเองทั้งสิ้น ทางพงส.บก.ปอศ.จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา จนสามารถติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

จับผัว-เมียตุ๋นลงทุนขายเครื่องนวดสปาหน้า

คดีที่ 2 จับกุม นางภัสราภรณ์ โชติสิงห์สิริ อายุ 46 ปี และนายพิพัฒน์ชัย จงจิตไพศาล อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาหลอกลวงลงทุนขายเครื่องนวดสปาหน้าการันตี ผลตอบแทนมากกว่า 600% ต่อปี โดยจับกุม นางภัสราภรณ์ ได้ที่จ.เชียงใหม่ นายพิพัฒน์ชัย จับกุมได้ ที่จ.ลพบุรี

ทั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจได้รับการร้องเรียนจากประชาชน จำนวน 10 ราย ว่าตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพ หลอกลวงระดมทุน ขายเครื่องนวดสปาหน้า มีมูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท และคาดว่ามีผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความอีกกว่า 100 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

ทางพงส.กก.5บก.ปอศ. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่านางภัสราภรณ์และนายพิพัฒน์ชัย เป็นสามีภรรยากัน ได้ร่วมหลอกลวงผู้เสียหายผ่านเฟซบุ๊ก ชื่อ “ภัสราภรณ์ เจ้าแม่ท้าวแชร์” และ “ภัสราภรณ์ ชิตสิงห์สิริ” ว่าเป็นตัวแทนขายเครื่องนวดสปา หน้าของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง

ได้ชักชวนให้ประชาชนทั่วไปนำเงินมาลงทุน เพื่อรับผลตอบแทนสูง หากมีผู้สนใจนางภัสราภรณ์จะดึงเข้ากลุ่มไลน์ พร้อมแจ้งเงื่อนไขการลงทุนให้ทราบ โดนลงทุนขายเครื่องนวดสปาหน้า 1 เครื่อง โอนเงิน 30,000 บาท ครบกำหนด 7 วัน รับกำไร 3,500 บาท และแจ้งบัญชีรับโอนเงิน มีทั้งบัญชีของนางภัสราภรณ์และนายพิพัฒน์ชัย ในช่วงแรกได้รับผลตอบแทนจริง

ต่อมาได้แจ้งว่า มียอดสั่งซื้อเครื่องนวดสปาหน้าเพิ่มจำนวนมาก และชักชวนให้เพิ่มเงินลงทุน โดยจะได้เพิ่มกำไรให้ผู้ลงทุนเป็น 5,000 บาท ผู้เสียหายเห็นว่าได้เงินจริง จึงหลงเชื่อจองการลงทุนและเพิ่มจำนวนเงินลงทุน แต่เมื่อครบกำหนดนางภัสราภรณ์กลับไม่โอนเงินให้ตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้

เมื่อผู้เสียหายถามก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่าถูกนายทุนโกงอีกทอดหนึ่ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน เพื่อยึดทรัพย์ต่อไป

อีกคดีหลอกขายถุงบิ๊กแบ๊ก

ส่วนคดีที่ 3 จับกุมนายคมสัน ศรีสุข อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ จ.309/2561 ลงวันที่ 24 เมษายน 2561 ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน”

หลังร่วมกับพวก 8 คน หลอกผู้เสียหายลงทุน ซื้อ ถุงบิ๊กแบ๊ก จากโรงงานย่านสมุทรปราการ โดยอ้างว่าสามารถซื้อถุงบิ๊กแบ๊กได้ในราคาเพียง 60 บาท และไปขายต่อ 80-100 บาท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อร่วมลงทุน

คดีนี้มีผู้ต้องหาเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 5 คน และอยู่ระหว่างหลบหนีอีก 3 คน โดยคดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายราว 35 ล้านบาท

พล.ต.ต.สุรเชรษฐ์กล่าวว่า ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ ว่าจะมีการได้รับผลตอบแทนที่สูงเกินความเป็นจริงในการลงทุน ยืนยันว่าไม่มี และหากไม่มั่นใจ ขอให้โทร.ไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ที่เบอร์ 1155

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน