พ่อค้าหัวร้อน โพสต์ขู่ยิงทิ้ง แจงแล้วแค่เข้าใจผิด ยันไม่เคยอ้างเป็นป.ป.ส.

โพสต์ขู่ยิงทิ้ง / จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ Nontawat Chanhong โพสในเฟชบุคส่วนตัวว่า “ปปส.ขอนแก่น เอาปืนมาขู่น้องในทีม เหตุผลเพราะถามราคากล้องแล้วไม่ซื้อ เราควรทำไงดี ? ”

พร้อมภาพที่เป็นข้อความการพูดคุย ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ในแชทข้อความ ทั้งต่อว่า และโชว์ภาพปืนข่มขู่จะยิง

ต่อมาชาวเน็ตได้ช่วยกันแชร์และตรวจสอบเฟสบุ๊กดังกล่าวพบว่า เจ้าของเฟชบุ๊กที่ขายกล้องดังกล่าว เป็นผู้ชาย ลักษณะชอบโพสต์ภาพคู่กับปืนทั้งปืนสั้นและปืนยาว พร้อมทั้งยังถ่ายภาพคู่กับระเบิดน้อยหน่า บางภาพเหมือนถ่ายให้คนเข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. กระทั่งต่อมา ทาง ป.ป.ส.ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ม.ค. นายนนทวัฒน์ จันทร์โฮง อายุ 30 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรืองดังกล่าวได้นำหลักฐาน เป็นโพสต์ของคนขายกล้องออนไลน์ดังกล่าว เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยเป็นหลักฐานเป็นโพสต์ข้อความของคนขายออนไลน์ ที่มีข้อความระบุตามหาตัวของผู้โพสต์ หลังจากเรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นประเด็นบนโลกออนไลน์

นายนนทวัฒน์ กล่าวว่า เหตุผลที่เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ เพราะว่า หลังจากเรื่องราวดังกล่าวเริ่มกลายเป็นประเด็นใหญ่โต ทางตัวผู้ขายกล้องได้โพสต์ในลักษณะตามหาตัวของตนเอง ทำให้รู้สึกกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมา

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่ เพิ่มเพื่อน

จึงได้นำหลักฐานเป็นโพสต์ข้อความต่างๆของคนขายกล้องออนไลน์รายนี้ เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เพื่อลงบันทึกประจำวัน แต่ไม่ได้ต้องการดำเนินคดีเอาผิดใคร เพียงแต่เพื่อให้เป็นหลักฐานว่า หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น อาจทำให้เข้าใจได้ว่าคนขายออนไลน์รายดังกล่าวเป็นผู้กระทำ ในส่วนอื่นๆก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการตามขั้นตอนของกฏหมาย และขอจบเรื่องราวดังกล่าวเพียงเท่านี้

วันเดียวกันนายรัฐศาสตร์ บุญนคร อายุ 43 ปี ออกมาชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นจากที่ตนเองได้โพสต์ขายกล้องฟิล์ม 2 ตัว ในราคา 1,000 บาท ในวันนั้นก็มีคนติดต่อมาสอบถามจะขอซื้อกล้อง 4 คน แต่ละคนมีภาพโปรไฟล์เฟชบุ๊ก คล้ายกัน ทำให้เกิดความสับสนว่า เป็นคนเดียวกันหรือไม่

และเป็นช่วงในขณะที่ตนเองกำลังวุ่นวายกับการทำงานอยู่ และพอตกเย็นจึงได้ติดต่อกลับไป 1 ใน 4 คนที่ติดต่อมา และนัดพบเจอกัน โดยมีการพูดคุยก่อนนัดเจอกันเป็นอย่างดีว่า กล้องดังกล่าวหากใช้ไม่ได้จะลดราคาให้

“เมื่อนัดพบเจอกันก็มีการตรวจสอบ และพบว่ากล้องใช้การไม่ได้ จึงลดราคาลงเหลือเท่าทุนที่ 300 บาท แต่คนที่มานัดเจอก็ยังไม่เอา ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแยกย้ายไป ต่อมาก็มาดูคนที่มาติดต่ออีก 3 คน ไม่แน่ใจว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ และคืดว่าอาจจะเป็นเพื่อนมาอำหรือไม่ พร้อมทั้งได้คุยกับคนที่มีเรื่องกันอยู่ขณะนี้ และมีการพูดคุยกันตามที่มีการโพสต์ พอคุยกันไปคุยกันมา ชายดังกล่าวได้บอกว่า รักนะจุ๊ฟๆ ยิ่งทำให้มั่นใจว่าเป็นเพื่อนแน่นอน จึงได้ใช้คำพูดตอบกลับไปว่าจะยิงตามนิสัยขี้เล่นของผมเอง ซึ่งถ้าสนิทจะรู้ว่าเป็นคนชอบเฮฮาตามประสาคนอารมณ์ดี ไม่มีประสงค์ร้ายกับใคร” นายรัฐศาสตร์ กล่าว

นายรัฐศาสตร์ กล่าวต่ออีกว่า จากนั้นไม่นานได้กลับกลายเป็นประเด็นใหญ่โต เอาหน้าที่การงานมาโพสต์ รูปภาพที่ถ่ายคู่กับปืนและระเบิดซึ่งไม่ใช่ของจริง โดยปืนเป็นปืน บีบีกัน ระเบิดเป็นระเบิดไฟแช็ก ซึ่งโพสต์มานานแล้ว แต่กลับถูกนำขึ้นมาเป็นประเด็น

ทั้งที่ตนเองไม่ได้นำเอาหน่วยงานที่ทำงานอยู่ มาข่มขู่ หรือมาแอบอ้างใดใด ซึ่งต้องแยกเป็น 2 ส่วนคือ ประเด็นที่ตนเองซื้อขายปืนและมีคำพูดเหล่านั้นเป็นความเข้าใจผิดของตนเอง ที่ส่วนตัวเล่นเฟสบุ๊กไม่ค่อยเป็น ทำให้เข้าใจว่าเป็นเพื่อนแกล้ง จึงได้ใช้คำพูดหยอกล้อตอบกลับไปว่าจะยิง ซึ่งในส่วนนี้ตนเองก็ขอโทษถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

แต่ในส่วนของ ผู้โพสต์นำเอาหน่วยงาน ป.ป.ส.มาโพสต์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทำให้ตนเองและหน่วยงานเกิดความเสียหาย ในส่วนนี้บุคคลดังกล่าวต้องออกมาขอโทษ หากไม่สะดวกมาพบเจอหน้าก็สามารถโพสต์ผ่านเฟชบุ๊กที่เคยทำก็ได้

ตนเพียงอยากให้เรื่องราวเหล่านี้จบลงไปเท่านั้น และตอนนี้ถูกตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ตนก็จะทำหนังสือชี้แจงไปตามความจริงที่ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนในวันนี้เช่นกัน ยืนยันว่าเรื่องราวดังกล่าวเป็นความเข้าใจผิดกัน เลยอยากให้เรื่องราวดังกล่าวจบลงด้วยดี และเข้าใจกันทุกฝ่าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน