นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ว่า งานโยธาใกล้แล้วเสร็จ เหลือเพียงการติดตั้งระบบไฟฟ้า ซึ่งเดือนมิ.ย. บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด จะนำขบวนรถไฟฟ้ามาทดสอบระบบ ส่วนการเดินรถ ขณะนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อยู่ระหว่างเร่งเจรจากับกรุงเทพมหานคร เพื่อหาข้อสรุป คาดว่าจะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ หากเปิดบริการจะมีขบวนรถไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มอีก 12 ขบวน ช่วยลดความแออัดของผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสที่มีวันละ 8 แสนคน เบื้องต้นบีทีเอสเสนออัตราค่าโดยสารตลอดสายอยู่ที่ 65 บาท
ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต การก่อสร้างงานโยธาคืบหน้าและร้อยละ 60 คาดว่า จะเปิดให้บริการภายในปี 2562 แต่ในส่วนของงานก่อสร้างอุโมงค์แยกรัชโยธิน คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการภายในปีนี้
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จะก่อสร้างเป็นทางยกระดับตลอดเส้นทาง รวมระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร มีแนวเส้นทางเชื่อมต่อจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีแบริ่ง บริเวณซอยสุขุมวิท 107 ไปตามแนวเกาะกลางของถนนสุขุมวิท ผ่านคลองสำโรง ผ่านแยกเทพารักษ์ แยกปู่เจ้าสมิงพราย เมื่อถึงบริเวณจุดตัดกับโครงการถนนวงแหวนรอบนอกด้านใต้ แนวจะเบี่ยงจากเกาะกลางไปทางด้านทิศตะวันตกของถนนสุขุมวิท เพื่อข้ามทางต่างระดับสุขุมวิท จากนั้น จึงเบี่ยงกลับมาอยู่ในแนวเกาะกลางถนนสุขุมวิท ผ่านแยกศาลากลาง แยกการไฟฟ้า แยกแพรกษา แยกสายลวด จนถึงจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณหน้าสถานีไฟฟ้าย่อยบางปิ้ง
มีสถานียกระดับ 9 สถานี ดังนี้ 1. สถานีสำโรง 2. สถานีปู่เจ้า 3. สถานีช้างเอราวัณ 4. สถานีโรงเรียนนายเรือ 5. สถานีปากน้ำ 6. สถานีศรีนครินทร์ 7. สถานีแพรกษา 8. สถานีสายลวด 9. สถานีเคหะฯ มีลานจอดแล้วจร (Park & Ride) ตั้งอยู่บริเวณสถานีเคหะฯ ริมถนนสุขุมวิท พื้นที่ประมาณ 18 ไร่ รองรับรถได้ประมาณ 700 คัน
และมีศูนย์ซ่อมบำรุงฯ ตั้งอยู่บริเวณหลังสถานีไฟฟ้าย่อยบางปิ้ง ประกอบด้วย อาคารบริหารและศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการเดินรถ อาคารซ่อมบำรุงหลัก อาคารจอดรถไฟฟ้า รางทดสอบ และอาคารประกอบอื่นๆ รวมพื้นที่ประมาณ 123 ไร่ มูลค่าการลงทุนทั้งโครงการฯ รวม 27,673 ล้านบาท แบ่งเป็นด้านงานโยธา โครงสร้างและงานระบบราง 21,085 ล้านบาท และด้านติดตั้งระบบเดินรถ 6,588 ล้านบาท