นายปิยะเลิศ ใบหยก รองประธานกรรมการกลุ่มโรงแรมใบหยก เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าตามแผนที่จะนำบริษัท พีดีเอส โฮลดิ้ง จำกัด ผู้บริหารธุรกิจอาหารและขนมของเครือเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในอีก 2 ปีข้างหน้า หรือในปี 2563 โดยขณะนี้เตรียมพร้อมด้วยการเปิดสาขาใหม่ของร้านอาหารและขนมที่มีอยู่ 7 แบรนด์ ซึ่งร้านแบรนด์ พาโบล ซีสทาร์ต และร้านราเมนอุซิดะยะ เป็นเรือธงสำคัญ ที่ในสิ้นปี 2561 จะมีสาขารวม 25 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 21 สาขา และในอีก 2 ปีน่าจะมีร้านได้มากกว่า 30 สาขา

พร้อมกันนี้ ยังต้องการที่จะเปิดร้านอาหารแบรนด์ใหม่ๆ ทุกปี โดยสนใจร้านอาหารญี่ปุ่นแบบปิ้งย่าง และร้านขนมใหม่ๆ ที่ยังไม่มี อย่าง ไอศกรีม รวมถึงสนใจในอาหารสำเร็จรูป อาทิ ราเมนสำเร็จรูป ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจ และจะเน้นเฉพาะร้านญี่ปุ่นเป็นหลัก มีทั้งซื้อแบรนด์จากญี่ปุ่นโดยตรง และแบรนด์ที่พัฒนาเอง เพราะเป้าหมายสำคัญ คือ บริษัทต้องการเป็นผู้รู้จริงด้านอาหารและขนมญี่ปุ่น

“ยอมรับว่าการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารและร้านขนมรุนแรงมาก ดังนั้นเราจะขายความไม่เหมือนใคร รู้จริง มากกว่าจะแข่งขันในเรื่องราคา ซึ่งล่าสุดใช้งบลงทุน 8 ล้านบาท เปิดร้านแบรนด์ที่ 7 คือ แกรม แพนเค้ก เป็นร้านแพนเค้กที่มีสาขามากที่สุดในญี่ปุ่น ซื้อแฟรนไชส์เข้ามาเพื่อให้คนไทยได้รู้จักกับแพนเค้กสไตล์ญี่ปุ่นที่เป็นต้นตำรับตัวจริง ในราคาเริ่มต้นชิ้นละ 75 บาท สาขาแรกที่สยามพารากอน ตั้งเป้ายอดขายไว้ 5-6 ล้านบาทต่อเดือน โดยธุรกิจกาแฟ เบเกอรี่ ไอศกรีม จัดเลี้ยง 62,000 ล้านบาท ที่ผ่านมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 10-20% ถึงแม้ว่าในตลาดขนมเบเกอรี่ทั้งแบรนด์นำเข้าและแบรนด์ไทยจะยังมีการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะปัจจุบันแบรนด์ไทยหลายแบรนด์สามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้จนกลายเป็นที่นิยม แต่ยังมองว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงนิยมขนมที่เป็นแบรนด์นำเข้าจากต่างประเทศอยู่ โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น”

สำหรับยอดขายรวมของธุรกิจอาหารและขนมปีนี้วางไว้ 220 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้วได้ 150 ล้านบาท และจากนี้ตั้งเป้าหมายจะมียอดขายเติบโตปีละ 15% โดยก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมียอดขายประมาณ 350-400 ล้านบาท และหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาสร้างครัวกลาง เพื่อรองรับธุรกิจในอนาคต รวมทั้งลงทุนขยายสาขาเพิ่มในแต่ละปีด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน