โอสถสภาระดมทุน 15,000 ล้านบาท มุ่งเป้าหมายสู่ความยั่งยืน และให้บริษัทอยู่ในธุรกิจไปอีก 200 ปี

โอสถสภาระดมทุน – นายเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยว่า เตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังจากดำเนินธุรกิจมา 127 ปี ทั้งนี้ เพื่อเป้าหมายสู่ความยั่งยืนของบริษัท ประกอบกับทางครอบครัวต้องการให้โอสถสภาอยู่ในธุรกิจไปอีก 200 ปี ดังนั้นเพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความแข็งแกร่ง รองรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ด้านนางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภาฯ กล่าวว่า บริษัทเป็นบริษัทผู้นำในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งทำธุรกิจครบวงจรทั้งผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ภายใต้แบรนด์เบบี้มายด์ และทเวลฟพลัส ซึ่งยังสามารถขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อีกมาก ส่วนเครื่องดื่ม ทั้งกลุ่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่สร้างยอดขายทั่งเอ็ม 150 และลิโพฯ ยังมีเครื่องดื่มเกลือแร่ กาแฟพร้อมดื่ม และโดยเฉพาะเครื่องดื่มที่เติมส่วนผสมเพื่อให้คุณสมบัติเฉพาะ หรือฟังชั่นนัลดริงค์ที่มีอัตราเติบโตสูง ตลอดจนกลุ่มยา อาทิ ทัมใจ และลูกอม เป็นต้น ดังนั้นบริษัทถือว่าเป็นบริษัทที่มีพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ที่แข็งแรง โดยบริษัทสามารถเจาะผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มลูกค้าได้ซึ่งจะเป็นทิศทางการตลาดที่จะทำให้บริษัทเติบโตได้แข็งแกร่งกว่า

นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทยังเป็นผู้นำตลาดในต่างประเทศภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะเมียนมา ซึ่งถือเป็นตลาดที่ 2 ของโอสถสภา ปัจจุบันมีการลงทุนโรงงานผลิตเครื่องดื่มและจะเริ่มเดินเครื่องผลิตในปี 2562 นอกจากนี้ จะมีการขยายเครือข่ายการตลาดในประเทศลาว กัมพูชา ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูง ขณะเดียวกันประเทศที่มีโอกาสทางการตลาดสูง อย่าง จีน และเวียดนาม ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างมองหาพันธมิตรร่วมทุน

ด้านนายวรารัตน์ ชุติมิต กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 3,003,750,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 3,003,750,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาทต่อหุ้น โดยมีทุนที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด 2,497,000,000 บาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,497,000,000 หุ้น และเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและหุ้นสามัญเดิม จำนวนไม่เกิน 603.75 ล้านหุ้น ซึ่งแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 506.75 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม (บริษัท Orizon Limited และบริษัท Y Investment Ltd) จำนวนไม่เกิน 67,000,000 หุ้น และ 30,000,000 หุ้นตามลำดับ คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 20.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก

โดยกำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นเบื้องต้นระหว่าง 22.00-25.00 บาทต่อหุ้น โดย ณ วันจองซื้อ นักลงทุนทั่วไปจะต้องจองซื้อหุ้น IPO ที่ราคา 25.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น โดยกำหนดวันจองซื้อวันที่ 1-4 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ดี คาดว่าจะได้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ 13,000-15,000 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) 66,000-77,000 ล้านบาท

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะใช้พัฒนาธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเติบโตที่ดีต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ มีแผนสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ที่ประเทศเมียนมา เพื่อให้สามารถควบคุมการลงทุนได้และมีความยืดหยุ่นในการตอบสนองความต้องการของตลาด รวมถึงพัฒนาปรับปรุงการผลิต การจัดจำหน่ายสินค้า ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการดำเนินธุรกิจภายในของบริษัทฯ การนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน