‘ซูเปอร์บอร์ด’ให้ธนาคารอิสลามออกจากแผนพื้นฟู หลังมีกำไร 500 ล้าน จี้การบินไทยเร่งขายเครื่องบินปลดระวาง สร้างความชัดเจนระหว่าง ไทยสมายล์ กับ นกแอร์ ขีดเส้นรถไฟ เร่งจัดตั้งบริษัทบริหารทรัพย์สินให้แล้วเสร็จ อีก 6 เดือน การควบรวม ทีโอทีและกสทเป็นรูปร่าง

นางปานทิพย์ ศรีพิมล ที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) แถลงผลการประชุม คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า คนร.รับทราบความคืบหน้า การฟื้นฟูบริษัท การบินไทย มีการนำเสนอแผนการเพิ่มรายได้ในปี 2562 รวมถึงการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ และขายเครื่องบินเก่าที่ปลดระวาง

โดย คนร.ได้มอบหมายให้การบินไทย เร่งจำหน่ายเครื่องบินที่ปลดระวาง และสร้างความชัดเจนการดำเนินการ ร่วมกับบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ และ สายการบินนกแอร์ รวมทั้งให้การบินไทย ดำเนินการตามแผนที่นำเสนออย่างเคร่งครัด

ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รายงานการแผนต่างๆ การลงทุน การบริหารทรัพย์สิน และการจัดตั้งบริษัทลูก ในการเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง และการบริหารทรัพย์สิน คนร.เร่งรัดให้ รฟท. นำเสนอแผนการจัดตั้งบริษัทบริหารทรัพย์สิน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และนำเสนอให้ที่ประชุม คนร.รับทราบในการประชุมครั้งต่อไป รวมทั้งให้ รฟท. นำเสนอการพัฒนาโครงสร้างทางคู่ และทางสายใหม่ทั้งหมด ให้ได้ภายในปีนี้ และให้มีการนำเชื้อเพลิง B20 ในการเดินรถด้วย

นอกจากนี้ คนร.เห็นชอบให้ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ออกจากแผนฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากฐานะทางการเงินมีความแข็งแกร่ง ปี 2561 มีกำไรจากการดำเนินงานกว่า 500 ล้านบาท สูงกว่าแผนที่กำหนดไว้ แต่ยังมีระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Finance : NPF) สูงกว่าแผนเล็กน้อย พร้อมรับทราบแผน ในปี 2562 ที่มุ่งปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเป้าปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติมอีก 1.2 หมื่นล้านบาท

“คนร. เห็นว่า ธอท. มีผลประกอบการที่ดีมีกำไรแล้วและมีการปรับปรุงระบบการทำงานซี่งจะช่วยแก้ปัญหาในอดีตและสร้างความยั่งยืนในการประกอบกิจการในอนาคตของ ธอท. ในอนาคตได้ จึงมีมติเห็นชอบให้ ธอท. ออกจากกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่ต้องจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร และมอบหมายให้กระทรวงการคลังกำกับดูแล ธอท. ให้สามารถดำเนินการตามแผนงานต่อไป”นางปานทิพย์ กล่าว

ส่วนบริษัท ทีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคม (บมจ. กสท) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รายงานความก้าวหน้าในการควบรวม ทีโอที และกสท เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จะสามารถจัดตั้งและเริ่มดำเนินการได้ภายใน 6 เดือน ติดเพียงเรื่องคดีความข้อพิพาทต่างๆ ที่จะพิจารณาต่อไป โดยพนักงานทั้งหมดของ ทีโอที และกสท จะโอนมาเป็นพนักงานของบริษัทใหม่

ทั้งนี้บริษัทใหม่จะมีทั้งหมด 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน โครงข่ายสื่อสารระหว่างประเทศ บรอดแบนด์และโทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่ และ การให้บริการด้าน Digital และสำหรับความคืบหน้าในการดำเนินการของคณะทำงานเตรียมการรวมกิจการของ บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท ได้มีการจัดทำแผนธุรกิจของบริษัทใหม่ระหว่างปี 2562-2567

“นายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการให้หน่วยงานต่างๆประสานการทำงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจให้ลุล่วงโดยเร็ว โดยให้มีการทำงานร่วมกันในการจัดทำแผนล่วงหน้าเพื่อให้แผนที่จะมาเสนอให้ที่ประชุมพิจารณามีความสมบูรณ์มากที่สุด”นางปานทิพย์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน