นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วันที่ 8 ก.พ.2560 ททท. เปิดตัวโครงการไทยแลนด์ เวดดิ้ง เดสทินี่ เชิญคู่รักจาก 9 ประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เช็ก ออสเตรเลีย อเมริกา และบราซิล ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงทั้งด้านบันเทิง เช่น ดารานางแบบ นักธุรกิจและเจ้าของกิจการ, และบล็อกเกอร์ชื่อดังที่มีผู้ติดตามระดับแสนถึงล้านคนที่มีอิทธิพลจูงใจให้คนติดตามและต้องการตามรอยสูง เข้ามาจัดงานใน 4 พื้นที่หลักตามโลเกชั่นต่างกันทั้ง 9 คู่

ได้แก่ สุโขทัย ภูเก็ต กระบี่ สมุย โดยจับคู่กับ 9 บริษัทเวดดิ้งแพลนเนอร์ หรือ บริการรับออกแบบและจัดงานแต่งงานมีชื่อเสียงระดับประเทศร่วมให้บริการ วางข้อกำหนดให้ทุกคู่ต้องจัดพิธีแต่งงานแบบไทยในช่วงเช้า เพื่อเผยแพร่กระตุ้นการรับรู้เอกลักษณ์การจัดงานแบบไทย ก่อนจะไปจัดงานเลี้ยงช่วงเย็มตามธีมงานที่เวดดิ้งแพลนเนอร์ช่วยออกแบบไว้ให้ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประชาสัมพันธ์ในระดับโลก เพื่อตอกย้ำไทยในฐานะจุดหมายการจัดงานแต่งงานและฮันนีมูนของคู่รักทั่วโลก

ทั้งนี้ การแต่งงานเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง คู่แต่งงานใช้จ่ายในไทยเฉลี่ย 5-20 ล้านบาทต่อครั้ง (ไม่นับการรับรองที่พักและการเดินทางของแขกที่มาเข้าร่วม) ซึ่งหากเทียบจำนวนตลาดนี้ซึ่งมีทั้งคู่แต่งงานและแขกที่เข้าร่วมแต่ละปีไม่ถึง 1 ล้านคนต่อปี แต่ใช้จ่ายระหว่างการจัดงานในไทยสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปอยู่ราว 3-5 เท่าตัวขึ้นอยู่กับแต่ละตลาด โดยคู่แต่งงานอินเดีย ใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 5 เท่า เนื่องจากมีพิธีใหญ่และจำนวนวันจัดงาน 3-7 วัน ส่วนยุโรปสูงกว่าราว 3 เท่า เพราะเป็นตลาดระยะไกล (Long Haul) ทำให้เดินทางมาแต่ละครั้งเลือกพำนักนานวัน และต้องใช้บริการโรงแรมหลายคืนต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการจัดงานในไทยกับการจัดงานในประเทศแล้วยังต่ำกว่าราว 50% เนื่องจากไทยมีความคุ้มค่าเรื่องค่าเช่าสถานที่ และมีจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งเรื่องการบริการต้อนรับ (Hospitality) ที่มาสอดรับได้ดีกับการขยายตัวของธุรกิจเวดดิ้งแพลนเนอร์ในปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 100 รายที่พร้อมให้บริการสำหรับตลาดต่างประเทศ

ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยต่อยอดให้ธุรกิจเวดดิ้งแพลนเนอร์ไทย และธุรกิจที่เกี่ยวข้องในระบบ เช่น โรงแรม มีส่วนช่วยขยายตลาดเวดดิ้งในโครงการต่อเนื่อง “อะเมซิ่ง โรแมนซ์ เทรด มีท” ในวันที่ 24 และ 27 ก.พ.นี้ เตรียมเชิญเอเยนต์จากอเมริกา 100 รายที่ทำตลาดเวดดิ้งและฮันนีมูนโดยเฉพาะเข้ามาทำเวิร์กช็อปร่วมกับเวดดิ้งแพลนเนอร์และโรงแรมในไทย ที่กรุงเทพฯ และเกาะสมุย ตามลำดับ ซึ่งจะเป็นโครงการด้านการตลาดช่วยนำลูกค้าเข้ามาโดยตรงผ่านเอเยนต์ที่ได้รับเชิญเข้ามาในครั้งนี้ ในภาพรวมทั้ง 2 โครงการต่อเนื่องกันนี้ จะช่วยปูทางภาพลักษณ์ไทยก่อนจะเป็นเจ้าภาพการจัดงานประชุมระดับโลกสำหรับธุรกิจการแต่งงาน “เดสติเนชั่น เวดดิ้ง แพลนเนอร์ คองเกรส” (ดีดับเบิลยูพี) ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ค.นี้ ที่.ภูเก็ต

นายธเนศวร์ กล่าวด้วยว่า ในการตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยวเติบโต 10% ในปีนี้ วางแผนให้เซ็กเมนต์คู่แต่งงานและฮันนีมูนเป็นหนึ่งในกลไกกระตุ้นการใช้จ่าย โดยคาดว่าในปีนี้ตลาดจะเติบโตได้ราว 3-5%

ทั้งนี้ ข้อมูลจากการสัมมนาระหว่างงานดีดับเบิลยูพี 2016 ไทยได้รับการจัดอันดับเป็นจุดหมายแต่งงานอันดับ 1 สำหรับตลาดเอเชีย, และครองอันดับ 3 ในตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และเป็นอันดับ 6 ในกลุ่มคู่รักยุโรป และได้รับเลือกเป็นจุดหมายดาวรุ่งสำหรับตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน