นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารยังมีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจโลกในปี 2564 ยังเติบโตได้ดี ซึ่งเป็นการฟื้นตัวขึ้นจากแรงหนุนของการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 การเดินหน้าเปิดเมือง และนโยบายการเงิน และการคลังที่ยังผ่อนคลาย โดยที่ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจส่วนมากยังบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และขยายตัวได้ดี

สำหรับการฟื้นตัวในแต่ละภาคธุรกิจ รวมถึงภูมิภาคนั้นจะเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน โดยภาคบริการมีแนวโน้มนำการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง หลังจากที่การค้า และ การบริโภคฟื้นตัวได้ดีก่อนหน้านี้ และ มีแนวโน้มถึงจุดสูงสุดแล้ว ในขณะที่เศรษฐกิจแต่ละประเทศก็ฟื้นตัวไม่พร้อมกัน โดยจีนได้ฟื้นตัวนำหน้าไปแล้วเมื่อปีก่อน ตามมาด้วยสหรัฐ และยุโรปที่กำลังจะเติบโตตามมา ส่วนประเทศเกิดใหม่จะฟื้นตัวในลำดับถัดไปหลังจากยุโรป โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกคาดว่า จะขยายตัวสูงสุดในไตรมาส 3 ปี 2564 นี้ ซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้คาดว่าจะเริ่มขยับขึ้นเข้าใกล้ก่อนเกิดโควิด-19

ด้านภาพรวมของการลงทุนในปีนี้จะมีความแตกต่างจากปีก่อน หลังจากที่เศรษฐกิจในประเทศใหญ่ได้มีการฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ทิศทางของการฟื้นตัวของสินทรัพย์ต่างๆ โดยเฉพาะสินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้น จะไม่ได้เป็นลักษณะ V Shape แบบในช่วงที่ผ่านมา แต่จะเป็นการปรับตัวขึ้นแบบขรุขระที่ต้องเผชิญกับหลุมบ่อระหว่างทาง ส่วนตลาดหุ้นไทย แนะนำให้เลือกเป็นรายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มส่งออก เนื่องจากประเทศคู่ค้าเศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง ส่วนกลุ่มที่ควรเลี่ยง คือ กลุ่มบริการ กลุ่มท่องเที่ยว เพราะยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว ที่ยังไม่สามารถเปิดประเทศได้ แต่การที่จะเริ่มนำร่องที่ภูเก็ตถือเป็นสัญญาณที่ดี

“ตลาดปัจจุบันที่มีความผันผวนสูง แต่แนวโน้มเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ธนาคารยังคงเชื่อมั่นว่า การลงทุนระยะยาวผ่านการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถเปิดประเทศได้ใน 120 วัน จะส่งผลกระทบทุกหน่วยธุรกิจ และกระทบหนักในภาคบริการ อย่าง การท่องเที่ยว จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย เพราะหวังพึ่งการส่งออกอย่างเดียวไม่พอ ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยพึ่งพา 2 ขาหลัก ทั้ง ส่งออกและท่องเที่ยว”

น.ส.ศิริพร สุวรรณการ Managing Director – Private Banking Financial Advisory Head KBANK กล่าวว่า ปัจจัยที่ต้องติดตามการประชุม FOMC อีกครั้งในช่วงเดือนส.ค. 2564 ซึ่งเป็นการประชุมที่ Jackson Hole จะเริ่มเห็นภาพไทม์ไลน์ที่ชัดเจนขึ้นของการลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ลงในช่วงปี 2565 ซึ่งคาดว่าธนาคารสหรัฐฯจะลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยราว 2 ครั้ง ภายในปี 2566 ซึ่งเป็นการไม่เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วเกินไปทำให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังมีความน่าสนใจอยู่ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน