นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยเวียตเจ็ท เปิดเผยถึงแนวโน้มการทำการบินช่วง 4 เดือนสุดท้าย (ก.ย.-ธ.ค.) ปี 2564 ว่า มาตรการปลดล็อกให้สายการบินเปิดบินในพื้นที่ สีแดง 29 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. เป็นต้นไป และยอดผู้ติดเชื้อลดลง ต่ำกว่าวันละ 2 หมื่นคน ติดต่อกันกว่า 10 วัน เป็นข่าวดีที่สายการบินจะเริ่มทำการบินได้มากขึ้น และมีรายได้กลับเข้ามาหล่อเลี้ยงธุรกิจในช่วงที่มีปัญหาสภาพคล่องตึงตัวจากการหยุดบินไป 2 เดือน

ทั้งนี้ มั่นใจว่าการเดินทางในประเทศจะเริ่มกลับมาในเดือนก.ย. โดยคาดว่าอัตราการบรรทุกจะปรับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปลายปี คาดว่า เดือนก.ย. จะอยู่ที่ 50-60% , ต.ค. จะขยับเป็น 60-75% เพราะเป็นช่วงปิดเทอม และ พ.ย.-ธ.ค. ช่วงฤดูท่องเที่ยว จะเพิ่มเป็น 80% สายการบินตั้งเป้าที่จะผลักดันให้ปริมาณเที่ยวบินในประเทศของไทยเวียตเจ็ทกลับมามีจำนวนเท่ากับปีก่อน คือ 100-120 เที่ยวบิน/วัน

นายวรเนติ กล่าวว่า ปีนี้สายการบินวางเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในการฟื้นตลาดการบินเส้นทางในประเทศ โดยจะเพิ่มเที่ยวบินให้มากกว่าสายการบินอื่น ในราคาตั๋วที่ไม่แพง ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเป็นผู้นำในการฟื้นตลาดการบินเส้นทางบินระหว่างประเทศ คาดว่าภายใน 3 ปีครอบคุลมครบ 5 ภาค อินโดจีน, อาเซียน, เอเชียใต้, เอเชียเหนือ และจีน เนื่องจากไทยเวียตเจ็ท เป็นสายการบินขนาดเล็กที่ยังสามารถเติบโตได้อีก

“ปีนี้คาดว่าผู้โดยสารตลอดทั้งปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10-15% ส่งผลให้รายได้ของสายการบินปีนี้น่าจะสูงกว่าปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากตลาดในประเทศ 85% และ ต่างประเทศ 15%”

นอกจากนี้ สายการบิน ยังจะเร่งที่ขยายเส้นทางบินข้ามภาคเพิ่มอีก 2 เส้นทาง คือ ภูเก็ต-เชียงใหม่ เริ่มบิน 15 ก.ย. 2564 และภูเก็ต-อุดรธานี เริ่มบิน 11 ก.ย. 2564 รวมทั้งเร่งขยายฝูงบิน ตั้งเป้าภายใน 3-5 ปี จะมีเครื่องบินรวม 50 ลำ จากปัจจุบัน 18 ลำ ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาเที่ยวบินล่าช้าจากอุบัติเหตุเครื่องบินเสีย รวมทั้งในปี 2565 มีแผนที่จะลงทุนหลัก 100 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบไอทีเพื่อยกระดับความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดดของโรคโควิด-19 และอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าอีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน