นายภูมิเกียรติ โชติชัยชรินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเติบโตของธุรกิจและก้าวต่อไปของ “ล่ำสูง” ว่า ตลอด 50 ปี ที่บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดำเนินการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม, ไขมันพืชผสม และเนยเทียม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักออกสู่ตลาด โดยมีสิ่งที่บริษัทยึดถือเป็นหัวใจในการทำงานและเป็นกลยุทธ์หลักในการดึงดูดลูกค้าคือคุณภาพของสินค้าและคุณค่าทางโภชนาการที่ลูกค้าจะได้รับ ซึ่งทำให้เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพตั้งแต่ต้นทาง เริ่มตั้งแต่วัตถุดิบหลักที่เราดำเนินธุรกิจปลูกปาล์มน้ำมันเอง และเรายังมีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบและโรงงานสกัดน้ำมันเมล็ดในปาล์มเป็นของตนเองด้วย ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบได้ในทุกขั้นตอน

นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การพัฒนาระบบการผลิตด้วยเครื่องจักรให้ทันสมัยอยู่เสมอ พร้อมขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐาน ตลอดจนการขนส่งจนถึงมือลูกค้าและบริการหลังการขาย

และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เพราะเราเชื่อว่าในขณะที่ธุรกิจเติบโต ชุมชนก็จะต้องเกิดการพัฒนาด้วยจึงจะเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัทคือ “Nutrition for BETTER LIFE” ที่มุ่งสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ด้วยการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน

ตลอด 50 ปีที่ผ่านมาเราได้รับความไว้วางใจจากคนไทยในทุกผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดเสมอมา ทุกความเชื่อมั่นที่มีต่อคุณภาพของสินค้าทำให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกคือ น้ำมันพืชหยก เราได้ต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ ให้ครอบคลุมการใช้งานในครัวเรือน รวมถึงการควบรวมธุรกิจกับบริษัท อาหารสากล จำกัด (มหาชน) หรือ UFC ซึ่งประกอบธุรกิจหลักเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ผัก และผลไม้แปรรูป เช่น ผักและผลไม้กระป๋อง น้ำผลไม้พร้อมดื่ม และซอสปรุงรส ภายใต้เครื่องหมายการค้าตรา UFC ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรามีความหลากหลาย ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ทุกกลุ่มตั้งแต่ครัวเรือน ร้านอาหารหรือเบเกอรี่ ธุรกิจ SME ไปจนธุรกิจขนาดใหญ่ หรือแม้กระทั่งตลาดต่างประเทศ

และในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 51 เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัท คือ NICE ที่ครอบคลุมในมิติความยั่งยืนทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่ “การบริโภคที่เป็นมิตรและยั่งยืน” โดย N มาจาก Ensure : มั่นใจว่าเรามีการใช้ทรัพยากรและพลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่า, I มาจาก Innovate : คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ส่วน C มาจาก Conduc : ดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบายการกำกับดูแลกิจการ อย่างโปร่งใสและมีความรับผิดชอบ และ E มาจาก Educate : การให้และเพิ่มพูนความรู้แก่ประชาชน เพื่อให้เข้าใจและตระหนักถึงการบริโภคอย่างยั่งยืน” ภูมิเกียรติ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน