แบงก์ชาติการันตีธนาคารมีฐานะเข้มแข็ง สำรองแน่นรับวิกฤตโควิด ปี’63 ฟันกำไร 1.46 แสนล้านบาท หนี้เสียทั้งระบบยังขยับเพิ่มต่อเนื่อง

แบงก์ชาติการันตี – น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ ปี 2563 มีความเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุน เงินสำรองและสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากผลกระทบของ โควิด-19 ได้ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และการผ่อนปรนการจัดชั้นลูกหนี้ช่วยสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อและชะลอการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์

ขณะที่ผลประกอบการของระบบธนาคารพาณิชย์ปรับลดลง ซึ่งเป็นผลจากการกันสำรองในระดับสูงอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมรองรับผลกระทบของโควิด-19 ต่อคุณภาพสินเชื่อ มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2,994.3 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ 20.1% เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 799.1 พันล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) อยู่ที่ 149.2% และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่อง เพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อยู่ที่ 179.6%

“ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในปี 2563 ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.1% เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน จาก 2.0% ในปี 2562”

สินเชื่อธุรกิจ ขยายตัวที่ 5.4% เทียบกับปีก่อนที่หดตัว 0.8% ปัจจัยหลักจากการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่ส่วนหนึ่งกลับมาใช้สินเชื่อแทนการออกตราสารหนี้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ขณะที่สินเชื่อ SMEs หดตัวในอัตราที่ลดลงจากผลของมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) สินเชื่ออุปโภคบริโภค ขยายตัว 4.6% ลดลงจากปีก่อนที่ขยายตัว 7.5% สอดคล้องกับกำลังซื้อของภาคครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยทยอยปรับดีขึ้นในทุกพอร์ตสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้นภายหลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

ทั้งนี้ สินเชื่อที่อยู่อาศัยยังขยายตัวเพิ่มขึ้น ตามอุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะแนวราบที่ปรับดีขึ้นและแคมเปญการตลาดของผู้ประกอบการ

ด้านคุณภาพสินเชื่อ ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารพาณิชย์ ทำให้ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non-Performing Loan: NPL หรือ stage 3) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 523.3 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 3.12% ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่มี การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (Significant Increase in Credit Risk: SICR หรือ stage 2) อยู่ที่ 6.62%

ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิในปี 2563 จำนวน 1.46 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการกันสำรองในระดับสูงอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ต่อคุณภาพหนี้ ในระยะต่อไป ประกอบกับผลของฐานสูงจากรายได้จากเงินลงทุนซึ่งเป็นปัจจัยพิเศษในปีก่อน สำหรับอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Assets: ROA) ลดลงมาอยู่ที่ 0.65% จากปีก่อนที่ 1.39% และอัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin: NIM) ลดลงมาอยู่ที่ 2.51% จากปีก่อนที่ 2.73%

น.ส.สุวรรณี กล่าวว่า เท่าที่ติดตามอย่างใกล้ชิด NPL อาจจะมีการทยอยเพิ่มขึ้นจากกลุ่มที่ช่วยเหลือไม่ได้ ต้องยอมรับว่าหนี้ก็มีปัญหาที่หลากหลาย แต่สิ่งที่พบคือยังไงก็ตามธนาคารพาณิชย์จะยังต้องช่วยเหลือลูกหนี้ ตัวเลข NPL ยังมีแนวโน้มค่อยๆ ทยอยออกมา แต่จะยังเป็นตัวเลขที่อยู่ในวิสัยที่ธนาคารพาณิชย์ควบคุมได้

อย่างไรก็ดี กลุ่มลูกหนี้ที่เป็นห่วงคือกลุ่มลูกหนี้จากโควิด-19 โดยตรง ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง จากการติดตามพอร์ต พบว่า กลุ่มสินเชื่อธุรกิจโรงแรมก็มีผลกระทบที่แตกต่างกัน บางแห่งกลับมารับนักท่องเที่ยวได้เต็มจำนวนก่อนที่จะมีการระบาดระลอกใหม่ ทำให้เห็นว่ากลุ่มที่ปรับตัวปัญหาจะเริ่มลดลง แต่กลุ่มที่เป็นห่วงคือกลุ่มที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 100% ที่ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาไม่ได้

“ต้องยอมรับว่าพอร์ตโรงแรมคือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ธปท. เข้าไปคุยกับธนาคารพาณิชย์ที่มีพอร์ตลูกหนี้กลุ่มโรงแรม อยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่ต้องยอมรับว่ายังอยู่ในกลุ่มที่ต้องให้ความช่วยเหลืออยู่ แต่จากการประเมินล่าสุดบางที่กลุ่มที่รับนักท่องเที่ยวได้ก็เริ่มกลับมาจ่ายหนี้ได้ แต่อีกหลายส่วนก็ยังต้องช่วยเหลือ”


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน