ในโรงงานเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ คนงานหลายสิบคนต่างเร่งรีบทำงานตามหน้าที่อย่างแข็งขัน หลาวเปิงยืนปรึกษากับซานแปงมุมหนึ่ง ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แพรนวลมองการประกอบตู้ โต๊ะ เตียงในโรงงานด้วยความสนใจ โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าเจ้านางเรืองระยับคอยเดินตามจับผิดเธอทุกฝีก้าว จนสบโอกาสอยู่กันตามลำพัง
“ดูเธอสนใจทุกอย่างในเวียงขิน”
“ฉันเป็นคนต่างบ้านต่างเมือง ไม่ค่อยเห็นวิถีชีวิตเรียบง่ายแบบเวียงขิน”
“คิดยังไงถึงแต่งตัวแบบไทเขิน ทั้งที่เรียนจบจากอเมริกา”
หลาวเปิงแยกจากซานแปงจะเดินเข้ามาหาแพรนวล แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเจ้านางเรืองระยับกำลังคุยกับแพรนวล จึงยืนฟังอยู่เงียบๆ
“ฉันสนใจความเจริญทางการศึกษาในต่างประเทศ แต่ไม่ได้สนใจความเจริญทางวัตถุ”
“ฉันเรียนที่อังกฤษและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมานาน..คนอังกฤษมองว่าอเมริกาเป็นประเทศไร้ราก ไม่มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง”
“ทุกประเทศมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยู่ที่เราจะเอาข้อไหนมาประยุกต์ใช้ให้ เกิดประโยชน์กับตัวเอง”
“ข้อดีของคนอเมริกันคือเคารพความสัมพันธ์ของผู้อื่น เรื่องชู้สาวหรือการแย่งแฟนชาวบ้าน..เป็นเรื่องน่าละอายมาก”
แพรนวลหน้าชา เมื่อถูกเหน็บด้วยคำพูด หลาวเปิงเห็นใจแพรนวล คิดหาวิธีแยกแพรนวลออกมาจากเจ้านางเรืองระยับ
หลาวเปิงขับรถพาแพรนวลมุ่งหน้าไปบ้านครูบุญสิงห์ แพรนวลนั่งข้างคนขับ ถามหลาวเปิงอย่างไม่สบายใจ
“เจ้านางเรืองระยับคงโกรธมาก ถ้ารู้ว่าเราไปบ้านพ่อบุญสิงห์โดยไม่บอกเธอ”
“ให้มาด้วยก็ไม่มีประโยชน์”
“ฉันไม่อยากทำให้เจ้านางเข้าใจผิด”
หลาวเปิงหันมาเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของแพรนวล จึงยื่นมือข้างหนึ่งไปกุมมือเธอด้วยความเป็นห่วง แพรนวลรีบถอนมือของเธอออกจากมือของหลาวเปิงอย่างรวดเร็ว พยายามวางตัวออกห่างเขามากที่สุด “ฉันไม่ควรไปไหนมาไหนกับคู่หมั้นของคนอื่น”
“การหมั้นของผมกับเจ้านางเรืองระยับเป็นแค่คำพูดของเจ้าเมืองบุญกับเจ้าพ่อของเจ้านางที่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ผมไม่ได้รักเจ้านาง”
น้ำเสียงและสายตาจริงจังที่หลาวเปิงมองมายังแพรนวล มีความหมายบางอย่าง ทำให้เลือดในกายเธอร้อนวูบวาบอย่างแปลกประหลาด จนแพรนวลต้องหลบสายตาของเขา
“คุณไม่สงสารเธอบ้างเหรอคะ”
“เจ้านางต้องยอมรับความจริง เลิกหวังในเรื่องชีวิตคู่ที่เป็นไปไม่ได้”
แพรนวลเลื่อนมือขวาไปกุมนิ้วนางข้างซ้ายของเธอที่ว่างเปล่าไร้แหวนแต่งงาน แต่ในความว่างเปล่านั้น..มันคือความจริงที่ต้องยอมรับว่าเธอมีคู่ครองแล้ว
ที่บ้านของนายบุญสิงห์ แพรนวลได้พบกับคำเอ้ยในวัยร่วมสามสิบและคำแดงในวัยเด็กน้อย แต่ไม่พบบุญสิงห์ ทางฝ่ายหลาวเปิงรู้จากคำเอ้ยว่านางไม่เคยพบแพรนวลมาก่อน ทำให้หลาวเปิงรู้ว่าแพรนวลโกหกเรื่องที่ว่าเธอหนีมาจากบ้านบุญสิงห์
เมื่อกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง แพรนวลก็ขอให้แหลมทองพาเธอไปเยี่ยมคำเอ้ยที่โรงพยาบาล แพรนวลพยายามถามเรื่องของเวียงขินแต่คำเอ้ยก็ยืนยันว่าไม่เคยไป ก่อนจะร้องห่มร้องไห้แล้วบอกว่าหลาวเปิงบอกกับนางว่าเขาไม่ได้รักเจ้านางเรืองระยับ รักแต่แพรนวลเพียงคนเดียว พูดจบก็มีท่าทางหวาดกลัวร้องไห้ จนพยาบาลต้องพาตัวแพรนวลออกไป
แพรนวลครุ่นคิดระหว่างขับรถกลับบ้าน เผลอรำพึงออกมาเบาๆ
“คนใกล้ตัวฉันเกี่ยวข้องกันที่เวียงขิน ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
แหลมทองหันมามองด้วยความสงสัย แพรนวลลังเลที่จะบอกแหลมทอง
“ฉันฝันเห็นแม่อุ้ยคำเอ้ยกับป้าคำแดงที่เวียงขิน”
“ในฝันมีคนชื่อหลาวเปิงด้วยใช่มั้ยครับ”
“แหลมรู้ได้ไง”
“ผมได้ยินคุณแพรละเมอเรียกชื่อนี้หลายครั้ง แต่เพิ่งได้ยินแม่อุ้ยคำเอ้ยเรียกชื่อนี้”
“ถ้าหาคำตอบได้ว่าทุกคนเกี่ยวข้องกับความฝันนี้ยังไง ฉันจะเล่าทุกอย่างให้แหลมฟัง”
เจ้านางเรืองระยับมาดักรอซานแปงที่แยกมาจากหลาวเปิง ซานแปงชะงัก
“เตรียมงานแต่งไปถึงไหนแล้ว”
เจ้านางเรืองระยับพูดกับซานแปงด้วยท่าทางถือตัว ทำให้ซานแปงตอบอย่างระวังตัว ไม่ค่อยไว้ใจ
“กำลังเร่งอยู่ครับ”
“ถ้าอยากแต่งงานแบบคาทอลิก ฉันจะพูดกับซิสเตอร์มาเดลีน่าช่วยเตรียม พิธีแต่งงานบนดอยเหนือให้”
“ผมจะจัดพิธีแต่งงานตามธรรมเนียมของเมืองเวียงขินเท่านั้น”
“จองหอง คิดเหรอว่าเจ้าพ่อของน้องตองริ้วจะยอมรับสามัญชนอย่างเธอ”
ซานแปงขบริมฝีปากตัวเอง พยายามระงับอารมณ์ไม่พอใจ
“ถึงจะพอมีฐานะแต่เลือดของเธอกับน้องตองริ้วมันคนละสี..เธอจะดึงเกียรติของน้องตองริ้วลงมาให้เสื่อมเสียไปทั่วพิงคภูมิ”
“ผมรักเจ้านางตองริ้ว” ซานแปงบอกเสียงเข้ม
“รักจริงก็ควรหลีกทางให้น้องตองริ้วแต่งงานกับผู้ชายที่เหมาะสมทั้งศักดิ์ศรีและชาติตระกูล”
เจ้านางเรืองระยับแนะนำเหมือนออกคำสั่ง สายตาเหยียดหยามและดูถูกซานแปงเป็นอย่างมาก ซานแปงได้แต่นิ่ง พยายามอดทนอย่างถึงที่สุด
ทองเพ็งถามเจ้านางเรืองระยับด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าซานแปงจะยอมล้มเลิกการแต่งงานกับเจ้านางตองริ้วหรือไม่
“เมืองเชียงฟ้า เมืองอโนทยาน และเมืองเวียงขิน มีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมานาน ฉันรักน้องตองริ้วเหมือนน้องสาวแท้ๆ ฉันจะไม่ยอมให้สายเลือดชน
ชั้นสูงต้องเปลี่ยนสี”
“เจ้านางถึงได้สนับสนุนท่านอูซอ”
เจ้านางเรืองระยับรีบปิดปากทองเพ็ง ท่าทางมีความลับ กลัวใครผ่านมาได้ยิน
“ฉันเคยสั่งแล้วใช่มั้ยว่าห้ามพูดชื่อนี้ในหอคำ”
ทองเพ็งพยักหน้าหงึกๆ รีบยกมือไหว้ขอโทษ เจ้านางเรืองระยับจึงปล่อยมือจากทองเพ็ง
“ขอโทษค่ะ ทองเพ็งไม่ได้ตั้งใจ”
“ระวังปากไว้ให้ดี..ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูหลาวเปิง ฉันเอาหล่อนตายแน่” เจ้านางเรืองระยับเสียงดุกร้าว
ซานแปงสีหน้าเคร่งเครียดเดินเข้ามาในบ้าน ปอสากำลังตัดเย็บเสื้อผ้าไหมสีขาวโดยมีบัวเขมเป็นลูกมืออยู่ตรงโถงบ้าน
“แม่กับน้องบัวเขมยังไม่นอนอีกเหรอครับ”
“ใกล้ถึงวันแต่งงานแล้ว แม่อยากตัดชุดเจ้าบ่าวให้เสร็จเร็วๆ”
“รับประกันว่าพี่ซานแปงจะเป็นเจ้าบ่าวที่หล่อที่สุดในเวียงขิน”
ซานแปงเข้าไปก้มกราบที่ตักแม่ด้วยความซาบซึ้ง ปอสาลูบหัวซานแปงด้วยความรัก
“แม่อยากเห็นลูกชายคนเดียวของแม่มีความสุข”
ปอสาทอดถอนใจ ลังเลที่จะพูดกับซานแปงตรงๆ “แม่รู้ว่าซานแปงรักเจ้านางตองริ้วมาก แต่คิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะแต่งงาน”
“มันเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้เจ้านางรอดพ้นจากอูซอ..ใครพูดอะไร ให้แม่ไม่สบายใจรึเปล่า? ”
“แม่ไม่สนใจคำพูดของคนอื่น แต่กลัวว่าเราจะทำให้เจ้านางตองริ้วลำบาก เจ้านางเคยอยู่สุขสบายในรั้วในวังต้องออกมาใช้ชีวิตแบบชาวบ้าน มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะลูก”
ซานแปงครุ่นคิดตามคำพูดปอสา
เจ้านางตองริ้วเข้ามาในห้องนอนเปิดลิ้นชักตรงโต๊ะแป้ง หยิบกล่องเงินโบราณขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วเปิดกล่องเงิน หยิบแหวนทับทิมสีแดงวงหนึ่งออกมา หญิงสาวยิ้มมองแหวนทับทิมในมือ พลันคิดถึงความหลังของเธอกับซานแปงที่เจอกันครั้งแรก ตอนนั้นเธอออกมาเดินเล่นที่หนองน้ำ แล้วทำผ้าเช็ดหน้าตกลงไป เธอพยายามเขี่ยกลับขึ้นมา แต่เกิดเสียหลักลื่นจะตกน้ำ ซานแปงผ่านมาเห็น รีบพุ่งเข้ามาคว้าตัวเจ้านางตองริ้วไว้ได้ทัน และกอดเธอไว้แน่นอย่างลืมตัว
เจ้านางตองริ้วอึ้ง จ้องหน้าซานแปง อยู่ในภวังค์ไปพักหนึ่ง ซานแปงตะลึงมองเจ้านางตองริ้ว ตกหลุมรักเธอในทันที เสียงเรียกของหลาวเปิงทำให้ซานแปงรู้สึกตัว รีบปล่อยมือจากเจ้านางตองริ้วขณะที่หลาวเปิงเดินเข้ามาถึง
“หนีมาเดินเล่นคนเดียวอีกแล้ว ถ้าเกิดอันตรายขึ้นจะทำไง”
“ตองริ้วเกือบตกน้ำเพราะจะเก็บผ้าเช็ดหน้า แต่มีคนมาช่วย..”
เจ้านางตองริ้วหันไปเพื่อจะแนะนำซานแปง แต่กลับเห็นซานแปงเก็บผ้าเช็ดหน้าในน้ำขึ้นมายื่นให้เธอแล้ว ตองริ้วรับผ้าเช็ดหน้ามาอย่างอึ้งๆ
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ซานแปง?”
“รู้จักกันเหรอคะ”
เจ้านางตองริ้วมองหลาวเปิงกับซานแปงด้วยความแปลกใจ
ซานแปงมอบแหวนแทนใจให้เจ้านางตองริ้ว เป็นทับทิมสีแดง
“แหวนทับทิมวงนี้เป็นตัวแทนความรักอันบริสุทธิ์ที่พี่มีต่อเจ้านางตองริ้ว มันอาจไม่มีราคา แต่พี่มอบให้ด้วยใจ”
“แหวนวงนี้ประเมินค่าไม่ได้สำหรับตองริ้ว”
เจ้านางตองริ้วอึ้ง น้ำตาเอ่อคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้ง เมื่อซานแปงบรรจงสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
“ขอบคุณที่มอบหัวใจของเจ้านางให้พี่..พี่จะรักษาหัวใจดวงนี้ให้ดีที่สุด”
ซานแปงประทับรอยจูบที่หลังมือของเจ้านางตองริ้วอย่างนุ่มนวล เจ้านางตองริ้วหัวใจพองโตเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
ป้าคำแดงดึงตัวแหลมทองมาถามด้วยความสงสัย เมื่อแหลมทองกับแพรนวลกลับมาถึงบ้าน
“คุณแพรไปหาแม่คำเอ้ยทำไม”
“ป้าก็ถามคุณแพรเองสิ”
“อย่ายอกย้อน เดี๋ยวข้าหยิกเนื้อเขียว”
“ก็ไปเยี่ยมเฉยๆ”
“จริงเหรอ”
แหลมทองพยักหน้ายืนยัน แต่แอบไขว้นิ้วชี้กับนิ้วกลางไว้ข้างหลังเป็นสัญลักษณ์โกหก ขณะที่ป้าคำแดงมองเข้าไปในบ้าน ไม่เข้าใจแพรนวล
แพรนวลเข้ามาในห้องเปิดโทรศัพท์มือถือ รอจนเครื่องพร้อมใช้งาน จึงรีบเข้ากูเกิ้ลในอินเตอร์เน็ตเพื่อค้นข้อมูลของเวียงขิน ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ยังไม่ทันกดค้นหา ก็มีข้อความที่ค้างในโทรศัพท์หลายข้อความขึ้นเตือนที่หน้าจอ
แพรนวลกดเปิดดูข้อความที่ถูกส่งมาจากเบอร์โทร.ปริศนาด้วยความสงสัย ข้อความที่ส่งมาปรากฏเป็นรูปของนาตยาถ่ายคู่กับเขตต์แบบแนบชิดสนิทสนมกันบนเตียงในโรงพยาบาลหลายรูป แพรนวลอึ้งไปพักหนึ่ง เจ็บช้ำ หมดใจกับความเจ้าชู้อันเกินเยียวยาของเขตต์จนยากจะให้อภัย เธอตัดสินใจปิดโทรศัพท์มือถือ ถอดแบตและถอดซิมการ์ดออก ราวกับต้องการปิดช่องทางสื่อสารส่วนตัวของเธอ
เขตต์ดีใจมากเมื่อคำขอย้ายไปประจำโรงแรมที่เชียงรายเป็นผลสำเร็จ เพราะต้องการอยู่ใกล้แพรนวล นาตยาไม่พอใจ จึงคิดหาทางขัดขวางความรักของทั้งสอง
อ่านย้อนบทโทรทัศน์ : บ่วงบรรจถรณ์ ตอนที่ 1