กรณีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอบคุณคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สน.ชนะสงครามให้แจ้งความเอาผิดกับผู้ชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ฐานตัดกุญแจประตู เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ในข้อหาทำลายทรัพย์สินราชการ แต่เลือกที่จะไม่ดำเนินการ เพราะเห็นว่าเกิดจากความชุลมุนของสถานการณ์ อีกทั้งความเสียหายก็เกิดเพียงเล็กน้อย จึงเลือกที่จะพยายามสื่อสารกับนักศึกษาและผู้ชุมนุมให้มากขึ้นแทนนั้น

เชื่อว่าเป็นทางเลือกที่ดีและจะช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางสังคมได้ส่วนหนึ่ง

เพราะเป็นการมองภาพรวมของเหตุการณ์ พยายามทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย รู้จักแยกแยะเหตุผล รวมถึงประเมินผลที่จะเกิดขึ้นต่อไป

ไม่ได้มุ่งใช้กฎเกณฑ์ข้อบังคับเพียงอย่างเดียวจัดการทุกอย่าง

สิ่งสำคัญในการสร้างความปรองดองทางสังคมคือการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน แม้ว่าไม่มีทางที่คนทุกกลุ่มในสังคมจะเห็นตรงกัน แต่อย่างน้อยต้องพยายามเข้าใจเหตุผลของแต่ละกลุ่มแต่ละฝ่าย

โดยเฉพาะในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องเป็นคนกลางในการคลี่คลายความขัดแย้ง ไม่เข้าไปผสมโรงให้ความขัดแย้งร้าวลึกยิ่งขึ้น

ขณะที่กำลังเอ่ยอ้างให้คนในสังคมรักสามัคคีกัน ไม่ควรใช้วาจาเสียดสีเหยียดหยามกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ไม่ควรสร้างภาพของการชุมนุมแสดงออกทาง การเมืองว่าเป็นความวุ่นวายที่จะทำลายเศรษฐกิจหรือการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดการรังเกียจชิงชังในสังคม

อีกทั้งต้องแยกแยะเป็น ระหว่างการชุมนุมแสดงออกทางการเมืองที่ไร้อาวุธและจำกัดอยู่ในพื้นที่ส่วนเดียว กับการชุมนุมปั่นป่วนบุกสถานที่ราชการและยึดสนามบิน

อุปสรรคและปัญหาที่ขัดขวางการปรองดองในขณะนี้ส่วนหนึ่งกลับเป็นตัวคนกลางที่ไม่พยายามทำความเข้าใจและไม่แยกแยะดูรายละเอียดของแต่ละเรื่องแต่ละเหตุการณ์

อีกทั้งยังเหมารวมและสรุปไปเองว่า การแสดง ออกทางการเมืองเป็นภัยต่อเศรษฐกิจและความมั่นคง

ทั้งที่ทราบและเห็นตัวอย่างในหลายประเทศประชาธิปไตยว่า การแสดงออกเช่นนี้เป็นเรื่อง เล็กน้อยมาก และเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน

ไม่มีประเทศประชาธิปไตยใดที่จะเอาเรื่องเอาราวกับคนที่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน