ฟัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในวันนำ “กลุ่มสามมิตร”เข้าร่วมพรรค พลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ ณ โรงแรมแชงกรี-ลา แล้วก็ค้นพบจุดร่วมอย่างมีนัยสำคัญทางการเมือง

เป็นจุดร่วมระหว่าง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

โดยเฉพาะเมื่อ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เล่าว่า

“เมื่อประมาณวันที่ 11 เมษายน ผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือสมัยอยู่พรรคไทยรักไทยด้วยกันบอกว่า ถ้าไม่มีพรรคทางเลือกใหม่ให้ประชาชน การเลือกตั้งครั้งใหม่ 2 ขั้วเดิมมา

เมื่อเลือกตั้งเสร็จคงจะเกิดวิกฤตการเมืองอีกซึ่งจะเกิดเหตุการณ์ที่ทหารเข้ามา ถ้าไม่ต้องการเหตุการณ์เช่นนั้น

ก็ต้องมาเป็นพรรคทางเลือกใหม่”

ความหมายหมายความว่าที่มาจัดตั้ง “กลุ่มสามมิตร”กระทั่งกลาย เป็นส่วนหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐก็คือ

ไม่ต้องการให้ทหารเข้ามาหลังการเลือกตั้ง

ขณะที่เป้าหมายสำคัญของพรรคอนาคตใหม่อันมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวหน้าก็คือ ทำอย่างไรจึงจะให้ทหารออกไปจากวังวนทางการเมือง

นั่นคือทำอย่างไรให้รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นรัฐประหารครั้งสุดท้าย

นี่คือ จุด “ร่วม”อย่างสำคัญระหว่าง “อา”กับ “หลาน”

เพียงแต่ “วิธีการ”ในการสร้างพรรคการเมืองระหว่าง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีความแตกต่าง กัน

คนหนึ่งจัดตั้งพรรคการเมืองแบบ “ใหม่”เน้นไปยัง “คนรุ่นใหม่”

คนหนึ่งจัดตั้งพรรคการเมืองแบบ “ใหม่”เน้นไปยัง “ผู้มีอำนาจ”ที่อยู่ในรัฐบาล และมีอำนาจขึ้นมาผ่านกระบวนการ “รัฐประหาร”และอาศัยพรรคการเมืองเป็นฐานในการสืบทอดอำนาจต่อไป

ทางเลือกระหว่าง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แตกต่างกันอย่างแน่นอน

คนหนึ่ง ร่วมกับ “ผู้มีอำนาจ” คนหนึ่งอยู่ตรงข้ามกับ “อำนาจ”

จากเดือนพฤศจิกายน 2561 ไปยังเดือนกุมภาพันธ์ 2562 คือระยะเวลาแห่งการพิสูจน์ทราบ แนวทางของ “อา” แนวทางของ “หลาน”

ผ่านกระบวนการ “เลือกตั้ง”โดยประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน