ยอมรับภาระ เพื่อสัมผัสความสุข ดั่งหอยมุกที่ไม่ปฏิเสธความเจ็บปวด

ปัจจุบันผมมีข้อสังเกตว่าผู้หญิงโสดส่วนใหญ่จะไม่กล้าแต่งงาน เพราะกลัวการหย่าร้าง จึงคิดว่าการอยู่คนเดียว เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

วันนี้ผมจะขอยกตัวอย่างเรื่อง “หอย” คือโดยธรรมชาติ เมื่อหอยอ้าปากเพื่อกินอาหารในทะเล จะมีเศษทรายและเศษกรวดเข้ามาทิ่มแทงที่เนื้อของมัน โดยธรรมชาติหอยก็จะพยายามคายและดิ้นให้สิ่งเหล่านี้ออกจากตัวเอง แต่เมื่อเนื้อเยื่อถูกทำลายไปมาก เนื้อของมันก็จะเริ่มเน่า และตายในที่สุด

แต่จะมี “หอยมุก” ที่ไม่พยายามนำเอาเศษทรายนั้นออก เพราะรู้สึกว่ายิ่งดิ้นรนก็ยิ่งเจ็บ จึงยอมรับทรายเข้ามาในเนื้อของมัน พอเจ็บเรื่อยๆ ร่างกายของมันก็จะผลิต “สารมุก” ซึ่งมีส่วนประกอบของแคลเซียมคอร์บอเนตออกมาเคลือบสิ่งแปลกปลอมเพื่อลดการระคายเคือง นานวันเข้าสารมุกนี้จะเคลือบสิ่งแปลกปลอมนี้เป็นชั้นๆ จนกลายเป็น “ไข่มุก” ที่มีลักษณะแข็งแวววาว และสวยงาม

พูดง่ายๆ ก็คือว่า ถ้าหอยพวกนี้ยอมรับทรายเข้ามา จากหอยธรรมดาก็จะกลายเป็นหอยมุกที่ให้กำเนิดอัญมณีที่สวยงามอย่าง “ไข่มุก” ครับ แต่ถ้าหากมันปฏิเสธความเจ็บปวด จุดจบของมันคือ “ความตาย”

ร่างกายของผู้หญิงถูกสร้างมาให้สามารถตั้งครรภ์และให้กำเนิดชีวิตหนึ่งที่สวยงามได้ครับ แต่ผู้หญิงกลับไม่ยอมรับของขวัญอันล้ำค่านี้ สุดท้ายก็จะสูญเสียโอกาสการเป็นแม่ และสัมผัสกับความสุขจากการได้ให้กำเนิดชีวิตใหม่ที่งดงาม

ครั้งนี้ผมขอยกเรื่องของคุณโบว์ (นามสมมติ) ไว้เป็นกรณีศึกษาครับ ในช่วงอายุ 33 ปี เธอได้เป็นผู้บริหารระดับกลางของธนาคารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง เธอไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งงาน เนื่องจากเห็นชีวิตครอบครัวของพ่อแม่ล้มเหลว และทั้งคู่มักจะทะเลาะกันเป็นประจำ จนเกิดความกลัวในการใช้ชีวิตคู่ กังวลว่าลูกๆ ของเธอจะต้องเจอกับสิ่งที่ทุกข์ทรมานคล้ายๆ กัน

วันหนึ่งผมได้ทำความเข้าใจกับเธอเรื่องการใช้ชีวิตครอบครัว และเล่าถึงความสมบูรณ์ของชีวิตมนุษย์ การเติบโตเป็นผู้ใหญ่นั้นจะต้องแต่งงานและมีครอบครัว ตอนนี้เธออาจอยู่คนเดียวได้ เพราะทำงานที่ดี มีเงินเดือนที่สูง หาเลี้ยงตัวเองได้ และอยากเก็บเงินไว้ใช้คนเดียว

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ในยามเจ็บป่วยหรือแก่ตัวไป จะมีชีวิตอยู่ในสภาพนั้นคนเดียวได้อย่างไร และการอยู่กับเงินเพียงอย่างเดียวจะทำให้มีความสุขได้จริงๆ หรือ

การที่ใช้ประสบการณ์ในอดีตมาตัดสินสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคตนั้น ไม่น่าจะถูกต้อง

หลังจากที่ได้ฟังมุมมองใหม่ เธอได้เปิดใจรับเรื่องชีวิตครอบครัว และตัดสินใจแต่งงานครับ หลังจากนั้นเธอก็มีลูกๆ ที่น่ารัก 2 คน เธอบอกผมว่า การเลี้ยงลูกแม้จะรู้สึกเป็นภาระ แต่ก็แฝงไปด้วยความสุขที่ได้เห็นลูพวกเขาเติบโตขึ้นทีละนิดๆ จนความสุขของลูกเป็นความสุขของเธอ และความสุขของเธอก็เป็นความสุขของลูก ทั้งพ่อแม่ลูกก็จะมีความสุขไปด้วยกัน

นอกจากนี้ การมีลูกยังทำให้เธอมีใจที่กว้างมากยิ่งขึ้น เพราะเธอต้องรับทุกอย่างที่ลูกเป็นให้ได้ และทำให้เข้าใจถึงจิตใจของพ่อแม่มากขึ้นด้วย ทำให้รู้ว่าอดีตที่เลวร้ายไม่ได้หมายความว่า อนาคตจะเลวร้ายเสมอไป

ผมอยากให้ท่านผู้อ่านได้รับมุมมองใหม่ของชีวิตแต่งงานและมีครอบครัว และมีโอกาสรับความยากลำบากเข้ามาในชีวิต หากมีโอกาสเช่นนั้นหรือบางทีโอกาสอาจวิ่งมาชนก็ลองรับดูครับ สุดท้ายความเจ็บปวดนั้นจะให้บทเรียน กลายเป็น “ไข่มุกที่สวยงามในชีวิตของพวกคุณ” ส่วนตัวผมเองก็หวังที่จะได้ใช้ชีวิตทำงานเพื่อสังคมไทยและสามารถทำให้ประเทศไทยเติบโตและมีพลังมากขึ้นได้ครับ


ดร.(กิตติมศักดิ์) ฮักเชิล คิม
ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ ประจำประเทศไทย
[email protected]

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน