FootNote : สายตรง ถึง พลังประชารัฐ “งูเห่า” เกิดพร้อม “พลังดูด”

มีคำทางการเมืองอย่างน้อย 2 คนที่สร้างความแสลงใจเป็นอย่าง ยิ่งยวดภายในพรรคพลังประชารัฐ 1 คือคำว่าสืบทอดอำนาจ 1 คือคำว่าเผด็จการ
และภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมก็จะมีอีกคำ 1 ก่ออาการสะดุ้งโดยถ้วนหน้า
นั่นก็คือ คำว่า “งูเห่า”
ความหงุดหงิดอันมาจาก นายอุตตม สาวนายน ความหงุดหงิดอันมาจาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ คือเครื่องตอกย้ำและยืนยัน
เชื่อได้เลยว่านับแต่ปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมคำว่า “งูเห่า”จะฮิตติดอันดับ
ถามว่าทำไม “พลังประชารัฐ” ต้องเข้ามาแบกรับ

แม้คำว่า “งูเห่า”จะมีจุดเริ่มมาจากการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2540 และในปี 2551 แต่หากยุคก่อนการเลือกตั้งใน วันที่ 24 มีนาคมมีความสัมพันธ์กับพรรคพลังประชารัฐ
เพราะกำหนดของพรรคพลังประชารัฐมีรากฐานมาจากการใช้ “พลังดูด”
เริ่มจากดูด นายพุทธิพงษ์ ปุณณกัน จากพรรคประชาธิปัตย์
เริ่มจากดูด นายสุพล ฟองงาม นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข จากพรรคเพื่อไทย
แม้กระทั่งพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ไม่รอด
บทบาทของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ โดดเด่นเป็นอย่างสูง
ภายหลังการเลือกตั้งแม้พรรคพลังประชารัฐจะมีป้อบปูลาร์ โหวต สวยงาม แต่จำนวน ส.ส.ก็ได้น้อยกว่าพรรคเพื่อไทยและก็ตีห่างจากพรรคอนาคตใหม่ไม่มากนัก
การสถาปนาตนเองเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้
“พลังดูด”เพิ่มขึ้น ปรากฏการณ์”งูเห่า”จึงตามมาโดยอัตโนมัติ

จึงไม่เพียงแต่คำว่า “สืบทอดอำนาจ” จะเป็นคำคู่ขนานไปกับพรรค พลังประชารัฐ เช่นเดียวกับคำว่า “เผด็จการ” หากคำว่า “พลังดูด” ก็จะวางเรียงเคียงไปกับปรากฏการณ์ “งูเห่า”
ทั้งหมดนี้เกิดเนื่องแต่รัฐประหาร เกิดเนื่องแต่อำนาจ
พรรคพลังประชารัฐจะต้องประสบกับคำเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีวันจางจากหายไป
ไม่ว่าจะมาจาก “เพื่อไทย” ไม่ว่าจะมาจาก “อนาคตใหม่”

เกาะติดข่าวการเมืองข่าวเลือกตั้ง แค่กดเป็นเพื่อนกับไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน