ระบอบใบสั่ง?

คอลัมน์ ใบตองแห้ง

ระบอบใบสั่ง? – กกต.ต้องข้อครหา “มีใบสั่ง” ยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่กู้เงินธนาธร 191 ล้าน

เข้าใจตรงกันนะ สังคมไทยโดยพื้นฐานไม่เชื่อมั่นความยุติธรรม แม้บางส่วนยังเชื่อศาล แต่ก็ไม่ไว้วางใจตำรวจอัยการเจ้าหน้าที่รัฐ (ส.ป.ก. ป่าไม้ ฯลฯ) ว่าปลอดใบสั่งวิ่งเต้นเส้นสาย คดีดังๆ ในช่วงหลังจึงถูกขึงพืดโดยลูกขุนออนไลน์ ต้องเอาผิดให้ได้ อย่าปล่อยให้สองมาตรฐาน

กกต.จะโต้ข้อครหา “ใบสั่ง” การตั้งข้อหาก็ต้องอธิบายได้ อย่างมีพยานหลักฐาน มีเหตุผลทางกฎหมาย ไม่ใช่ถือว่ามีอำนาจ ก็ตั้งข้อหาส่งๆ ผิดหรือถูกให้ไปแก้ต่างเอาเอง ซึ่งไม่ว่าศาลจะเห็นด้วยกับ กกต.หรือไม่ ก็สร้างความเสียหายกับพรรคอนาคตใหม่

แต่นี่ กกต.วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่อย่างรวบรัด ข้ามขั้น เพราะขั้นต้น ต้องหาข้อยุติก่อนว่า พรรคกู้เงินได้หรือไม่ พ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา 62 เขียนว่า “พรรคการเมืองอาจมีรายได้ดังต่อไปนี้” แม้ไม่เขียนให้กู้ แต่ก็ไม่ห้าม คำว่า “อาจ” คือการเปิดช่องว่างให้มีรายได้ทางอื่น (ถ้าตีความว่าเงินกู้เป็นรายได้)

โดยหลักทั่วไป สิ่งใดที่กฎหมายไม่ห้ามย่อมทำได้ เว้นแต่ใช้กับหน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ เช่น ถนนไม่ปักป้ายห้ามกลับรถ ประชาชนย่อมกลับรถได้ แต่ถ้ากฎหมายไม่ให้อำนาจจับกุม ตำรวจจับไม่ได้

แทนที่ กกต.จะหาข้อยุติก่อนว่า กู้ได้หรือไม่ ถ้ากู้ไม่ได้ทำอย่างไร ให้คืนเงิน ปรับ ฟ้องอาญา ฯลฯ กกต.กลับรวบรัด ยัดมาตรา 72 ยุบพรรคฐานรับบริจาคโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งที่มาตรา 72 เขียนชัดว่ามีความผิดเมื่อรับบริจาคเงิน “โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” ซึ่งหมายถึงเงินสกปรก บ่อน ซ่อง ทุจริต สินบนซื้ออาวุธ ค้ายาเสพติดออสเตรเลีย ฯลฯ

พูดง่ายๆ คือ กกต.ตั้งข้อหาอนาคตใหม่ได้แค่ “ไม่สามารถกู้เงินได้” จะลงโทษอย่างไรก็ว่ากันอีกที แต่นี่กลับตีขลุม “รับเงินผิดกฎหมาย”

การตั้งข้อหาอ่อนเหตุผล ด้วยมติ 5 ต่อ 2 ย่อมทำให้ กกต.ถูกครหา ซึ่งอย่าลืมว่าไม่ใช่ครั้งแรก นับแต่ได้รับตำแหน่ง จากการสรรหาตามรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ให้องค์กรอิสระส่งคนมาเป็นกรรมการสรรหากันเอง + ประธานศาล ประธาน สนช. แล้วไปผ่านมติ สนช. “สภาเทียม” ที่ คสช.ตั้ง ซึ่งแม้แต่เด็กอมมือยังตั้งคำถาม จะเป็นอิสระได้อย่างไร

ตั้งแต่เริ่มแรก แบ่งเขตเลือกตั้ง ก็บิดเบี้ยวอย่างไม่เคยเห็นในโลก การนับคะแนน การประกาศผล ก็ทำให้ประชาชนกังขา จนลงชื่อไล่ใน change.org นับล้าน พอฝ่ายค้านทำท่าจะชนะ ก็โผล่สูตรคำนวณ ส.ส.เศษคน ซึ่งแม้อ้างว่า กรธ.ต้นคิด แต่ กกต.ก็รับทันที ทั้งที่เห็นอยู่ว่าวิปริตวิกล

การเลือกตั้งใช้อำนาจรัฐเอาเปรียบมโหฬาร หลายพื้นที่โวยว่าซื้อเสียงกันโจ๋งครึ่ม แต่ กกต.ที่มีผู้ตรวจการเลือกตั้ง 400 กว่าคน เงินเดือนเดือนละ 50,000 จับมือใครดมไม่ได้ ได้แค่ ส.ส.ถวายเงินพระ 1 คน ใส่ซองงานศพ 1 คน กับโชว์ผลงานโบแดง สกัดธนาธรไม่ให้เข้าสภา โทษฐานถือหุ้นนิตยสารที่ปิดไปแล้ว ไม่มีผลให้คุณให้โทษต่อการเลือกตั้ง

บางคนหาว่าพรรคอนาคตใหม่มันทะลึ่ง ทำในสิ่งที่ไม่มีใครเขาทำกัน ใช้เงินกู้ร้อยกว่าล้านมาหาเสียง แล้วก็ดันทำบัญชีโปร่งใส เปิดเผยเองว่าให้พรรคกู้เงิน ไม่งั้น กกต.ไม่มีปัญญาจับได้

คงเป็นความผิดมหันต์ ที่ไม่ทำอย่างพรรคอื่น ใช้เงินใต้โต๊ะ ใช้เงินทุจริต ที่รีดมาได้ในหลายปี ซื้อตัว ส.ส. ซื้อเสียงเป็นพันๆ ล้าน แต่ไม่ลงบัญชี กกต.จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

เหมือนมาตรา 73 ห้ามข้าราชการการเมืองใช้ตำแหน่งหน้าที่ เรี่ยไรหรือชักชวน

ให้บริจาคพรรคการเมือง แล้วไงล่ะ กกต.จะเอาอะไรไปพิสูจน์ว่าใช้อำนาจขายบัตรโต๊ะจีน บริษัทห้างร้านก็รู้ พรรคไหนตั้งมาหนุนหัวหน้ารัฐประหาร เพื่อสืบทอดอำนาจ ยาวๆ ไป

กกต.จึงโต้ได้ว่าไม่มีใบสั่ง แค่ทำหน้าที่อย่างเถรตรง พวกขี้โกงเราจับไม่ได้ โกงกติกาก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องข้อห้ามคุณสมบัติ เราต้องเคร่งครัดตามลายลักษณ์อักษร

ถามว่าประชาชนเชื่อหรือไม่ ก็ไม่มีใบเสร็จ จะไปกล่าวหาท่านซี้ซั้วได้ไง แต่ลบข้อครหาได้หรือไม่ น่าจะรู้แก่ใจ

องค์กรอิสระที่ตั้งมาตามรัฐธรรมนูญ 2540 ถูกยึดอำนาจไปตั้งแต่รัฐประหาร 2549 รัฐธรรมนูญ 2550 และยึดเบ็ดเสร็จในรัฐธรรมนูญ 2560 มีทั้งใช้รัฐประหารตั้งเอาดื้อๆ ใช้ สนช. ใช้ ส.ว.สรรหา มาจนใช้ ส.ว.ตู่ตั้ง ซึ่งก็ล้วนเครือข่ายเดียวกัน แต่อ้างว่าอิสระ เป็นกลาง ใช้กฎหมายเล่นงานนักการเมืองที่อยู่ตรงข้ามเครือข่ายอนุรักษนิยมมา 13 ปี

ระบอบนี้ยังคิดว่าประชาชนรู้ไม่ทัน ยังหวังว่าประชาชนจะยกย่องนับถือ สัตย์ซื่อมีศีลธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน