ปีแห่งสิ่งที่ไม่เคยเห็น

คอลัมน์ ใบตองแห้ง

ปีแห่งสิ่งที่ไม่เคยเห็น – “อะไรที่ไม่เคยเห็น ก็จะได้มาเห็น และอะไรที่เคยเห็น ก็อาจจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว”

อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ กล่าวไว้ตั้งแต่หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 แต่ปรากฏการณ์ทางการเมืองมาพีกสุดในปีเลือกตั้ง ซึ่งไม่แน่ ปีต่อๆ ไปยังอาจได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นกว่านี้ก็ได้

แต่มองย้อนไป ใครจะคิดว่าจะได้เห็นปรากฏการณ์เหล่านี้บ้าง

8 ก.พ.2562 พรรคไทยรักษาชาติเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ปฏิกิริยาจากฝ่ายต่างๆ ตั้งแต่เช้าจนดึก กลายเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ แม้ตามมาด้วยพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบ

16 ก.ค.2562 คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจออกอากาศให้ประชาชนเห็นกันทั้งประเทศ ในสิ่งที่ไม่เคยเห็น คือประยุทธ์นำกล่าวถวายสัตย์ไม่ครบ

เป็นครั้งแรกตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2492 บัญญัติไว้ 70 ปี ที่นายกฯ นำ ครม.ถวายสัตย์ไม่ครบ ไม่มีข้อความตามมาตรา 161 “จะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

เพราะอะไร ไม่มีคำอธิบายจนบัดนี้ แม้ฝ่ายค้านตามจี้จนเปิดอภิปรายทั่วไป รัฐบาลไม่เคยมีคำตอบ มีแต่คำกล่าวของวิษณุ เครืองาม “อย่าไปอยากรู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้”

การเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ ปรากฏการณ์อนาคตใหม่ “ฟ้ารักพ่อ” กวาดคะแนนนิยมถล่มทลาย ปรากฏการณ์ไบก้อน แมลงพันธุ์ที่เชื่อกันว่าตายยาก กลับตายเกลื่อน หวิดสูญพันธุ์

แต่อะไรก็ไม่เท่าความกังขา กกต. นับคะแนนอยู่ดีๆ ก็หยุดไปเฉยๆ มีปัญหาทั้งบัตรงอกบัตรเขย่ง จนคนล่าชื่อไล่ใน change.org เกือบล้าน

ซ้ำร้าย ผลการเลือกตั้งไม่ได้คิดจำนวน ส.ส.ตามคะแนนเฉลี่ยที่ได้จากประชาชน แต่กลับใช้สูตรปัดเศษทศนิยม เศษคนสอบได้ จำนวนเต็มปัดทิ้ง พรรคอนาคตใหม่ควรจะได้ ส.ส. 87 คนกลับเหลือ 80 คน คะแนนประชาชน 5.8 แสนคนถูกเททิ้งน้ำ เพื่อให้พรรคที่ได้ 3-4 หมื่นเสียงได้ ส.ส.พรรคละ 1 คน

นี่คือสูตรคณิตศาสตร์ที่ไม่เคยพบเคยเห็น อย่าว่าแต่คนไทย นักคณิตศาสตร์ทั่วโลกตั้งแต่ครู ป.4 ไปถึง ดร.รางวัลโนเบล ก็ตกตะลึง ว่าคิดออกมาได้อย่างไร

สูตร ส.ส.เศษคนส่งผลให้ 7 พรรคฝ่ายค้านได้ ส.ส.น้อยลงจาก 253 เหลือ 246 พรรคพลังประชารัฐรวบรวม ส.ส.19 พรรค 250 คน+250 ส.ว. โหวต “ตู่ห้าร้อย” เป็นนายกฯ โดยบังเอิญเลขสวย สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย งดออกเสียงรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน

ผลการเลือกตั้ง เลือกรัฐบาล ไม่เป็นไปตามความต้องการของประชาชน เพราะ “รัฐธรรมนูญนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” ตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตตัวเองเป็นนายกฯ นี่เป็นกติกาที่ชาวโลกไม่เคยเห็นก็ได้เห็นเช่นกัน ประชาธิปไตยครึ่งใบในอดีตล้วนหน้าบางกว่านี้

อนุรักษนิยมในอดีตก็หน้าบาง รัฐธรรมนูญเขียนให้ตั้งกรรมการสรรหา ส.ว. จากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีความรู้และประสบการณ์ด้านต่างๆ มีความเป็นกลางทางการเมือง ถ้าเป็นอดีต ก็คงตั้งคนนอกคนดีมีชื่อเสียงภาพลักษณ์มาสรรหาวงกว้าง

แต่นี่กลับตั้งพวกเป็นกรรมการสรรหา ชงเองกินเอง เสนอชื่อตัวเองกับญาติพี่น้อง

แต่ร้องศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ ศาลไม่สามารถวินิจฉัย เพราะคำสั่ง คสช.ตั้งกรรมการสรรหา ส.ว.ไม่ถือเป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมาย

ก็เข้าใจได้ ศาลต้องยึดตัวบทกฎหมาย เหมือนถามว่าประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่ใช่ เพราะประยุทธ์มาจากการยึดอำนาจ เป็นรัฏฐาธิปัตย์ อยู่เหนือรัฐเหนือกฎหมาย จะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างไร

ประยุทธ์จึงทำอะไรไม่ผิดกฎหมาย ทั้งที่ได้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม แล้วเครือข่ายอำนาจอนุรักษนิยมก็ใช้กฎหมาย ใช้องค์กรอิสระ ทำลายคู่แข่ง พร้อมกับใช้สื่อที่ส่งเมียไปเป็น ส.ส. ปลุกความเกลียดชัง

ผู้ร้ายแห่งปี จึงได้แก่อิลลูมินาติ ทฤษฎีสมคบคิดจิตป่วย ความผิดร้ายแรงแห่งปี จึงไม่ใช่การซื้อเสียง ใช้อำนาจรัฐ อิทธิพล แทรกแซงเลือกตั้ง แต่กลายเป็น “หุ้นสื่อ” ถือหุ้นนิตยสารแฟชั่นที่ปิดไปแล้ว

ขณะที่ฝั่งรัฐบาล “เทาเพื่อชาติ” ไม่เป็นไร คืนที่ดินให้รัฐแล้วไม่ผิด

กฎหมายจึงล้มละลาย เมื่อไหร่ที่วิษณุอธิบายกฎหมาย แค่อ้าปากคนก็รู้ทันถึงไส้ติ่ง ฉายาศรีธนญชัยยังน้อยไป

ปี 2562 เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยพบเห็นในศาลยุติธรรม ผู้พิพากษาไลฟ์สดยิงตัวตาย ไม่ว่าใครถูกใครผิดอย่างไรในคดี ประชาชนก็แซ่ซ้องเพราะโดนใจ มีอารมณ์ร่วมในความคับข้อง “คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน”

ภาพสะท้อนในรอบปี คือภาวะวิบัติของอำนาจอนุรักษนิยม ที่เคยอ้างศีลธรรมความเป็นไทยชี้นำสังคม แต่วันนี้ต้องโกงกติกา ต้องใช้อำนาจยุติธรรมทำลายการเมืองใสสะอาด ปกป้องการเมืองสีเทา เพื่อรักษาอำนาจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน