สัปดาห์สุดท้ายของปี 2560 หน่วยงานของรัฐและทุกกระทรวงต่างประกาศแผนแจกของขวัญประชาชนต้อนรับปีใหม่ 2561 อย่างคึกคัก ส่วนใหญ่ออกมาในมาตรการด้านเศรษฐกิจ

เช่น ตลอดปี 2561 ผู้ที่เที่ยวจังหวัดรองในประเทศ 55 จังหวัด นำใบเสร็จรับเงินค่าบริการให้กับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว รวมถึงค่าที่พักที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท ไปลดหย่อนภาษีได้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเปิดช่องให้คนจนกู้ซื้อบ้านได้สูงสุด 2 ล้านบาท ไปจนถึงการแจกข้าวสาร 1 ล้านถุง เป็นต้น

แม้ว่ามาตรการบางส่วน กระทรวงการคลังระบุว่าอาจทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี แต่ถือว่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและสร้างรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่น

เป็นลักษณะการดำเนินนโยบายที่มองภาพรวมเหมือนในอดีต

การดำเนินนโยบายการลงทุนในระยะยาวและการจัดสวัสดิการของรัฐให้ประชาชนจึงเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ

ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ประชาชนสับสนว่า เหตุใดโครงการประชานิยมจึงถูกโจมตีในทางลบ และโครงการประชารัฐจึงได้รับการประชาสัมพันธ์ในทางบวก

ในขณะที่ทั้งสองเรื่องเป็นการใช้งบประมาณของรัฐและตั้งเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมคล้ายคลึงกัน

การทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องความแตกต่างทางถ้อยคำหรือคณะบุคคลที่ผลักดันนโยบาย

แต่ต้องชัดเจนว่ากระบวนการเหล่านี้เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนในภาพรวมอย่างไรและแตกต่างจากอดีตอย่างไร

สําหรับของขวัญชิ้นสำคัญในปี 2561 ที่ไม่ได้มาในรูปแบบของตัวเงินหรือของแจก คือการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเป็นกลไกสำหรับการคืนอำนาจให้ประชาชน

หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาที่มีคณะทำงานตัดสินใจเรื่องต่างๆ ของประเทศมาหลายปี ไม่ว่าด้วยความหวังดี หรือวาดฝันถึงอนาคตของประชาธิปไตยอย่างไร สุดท้ายแล้วเส้นทางที่ยังต้องหวนกลับไปคือการให้ประชาชนเป็นผู้เลือกเอง ต่อรองเอง คิดเอง และทำเอง

เพราะสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนคือหลักการของประชาธิปไตย

สิทธินี้ไม่มีแจก ไม่มีให้กู้หรือหยิบยืม มีแต่ต้องคืนให้ประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน