รองประธานสภานิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ได้ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ติดตามและสอบถามข้อมูลส่วนตัว ตลอดจนความประพฤติอื่นๆ โดยเข้าไปถึงภายในสถานศึกษาที่เรียนอยู่
นอกจากนี้ ยังพยายามจะขอทราบที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็เคยสะกดรอยติดตามตัว ถ่ายรูป รวมทั้งแอบฟังการสนทนาต่างๆ กับเพื่อนในที่สาธารณะมาแล้วหลายครั้ง
สาเหตุที่ตกเป็นเป้าหมาย เจ้าตัวเชื่อว่ามาจากกรณีที่ร่วมกับกลุ่มเพื่อนนิสิต ชูป้ายประท้วงต่อหน้านายกรัฐมนตรี แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสถาบันการศึกษาที่สังกัดอยู่ยอมรับผู้นำที่มาจากการรัฐประหาร
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ถือเป็นการสร้างความกลัวและคุกคามที่น่าละอาย
ในความเป็นจริง บุคคลย่อมได้รับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อย่างเสมอภาคโดยทั่วกัน การกระทำใดๆ จากเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นการล่วงละเมิดบุคคลอื่น ย่อมถือว่าเป็นความผิด
ขณะเดียวกัน ประชาชนทั่วไปก็ย่อมมีสิทธิ และเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็นและแสดงออกต่างๆ ภายใต้กฎหมาย รวมถึงการแสดงจุดยืนที่ไม่ยอมรับการละเมิดกฎหมายในการเข้ามาสู่อำนาจด้วยเช่นกัน
การปกป้องบุคคลหรือคณะบุคคล โดยอ้างกฎหมายหรือคำสั่งอื่นใด ทั้งในทางลับและเปิดเผย ย่อมเป็นความฉ้อฉลที่สังคมจะต้องช่วยกันประณาม และร่วมกันหยุดยั้งไม่ให้เกิดขึ้น ไม่ว่ากรณีใดๆ
รวมถึงหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนต้องไม่เพิกเฉย
ในส่วนของมหาวิทยาลัย รวมถึงครูบาอาจารย์ ก็ต้องแสดงจุดยืนให้เป็นที่ประจักษ์ในฐานะองค์กรทางปัญญา ต้องปกป้อง คุ้มครอง ไม่ปล่อยให้นิสิตในฐานะลูกศิษย์ถูกละเมิดสิทธิ ถูกคุกคามโดยรัฐอย่างเด็ดขาด
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองก็ต้องมีความโปร่งใส แสดงให้ประชาชนได้เห็นว่าไม่ได้มีส่วนหรือสนับสนุนให้เกิดการกระทำดังกล่าว รวมถึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ยุติพฤติกรรมทุกอย่างในการสร้างความหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง
ที่ผ่านมา รัฐบาลพิเศษชุดนี้มักถูกสังคมโลกกล่าวว่าละเลยประเด็นว่าด้วยเรื่องสิทธิและเสรีภาพมาโดยตลอด จนถูกจัดอันดับให้ไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับประเทศที่มีปัญหาทางด้านสิทธิมนุษยชน
กรณีที่เกิดขึ้นกับนิสิตกลุ่มนี้ต้องตรวจสอบ และชี้แจง