มองปากีสถานมุมใหม่ ‘ทูตอาซิม’แนะถิ่นน่าเที่ยว
โดย ณอร อ่องกมล
เพราะ “ปากีสถาน” เคยตกเป็นเป้าจับตา ถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าจะเป็นกรณีคนร้ายพยายามลอบสังหาร มาลาลา ยูซัฟไซ เด็กสาวนักสู้เพื่อสิทธิทางการศึกษาเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ อีกทั้งยังมีข่าวการปะทะยืดเยื้อบริเวณแนวชายแดนมาเป็นระลอก
ทำให้หลายคนมีภาพนึกถึงปากีสถานยึดกับเหตุการณ์ด้านลบจนคิดไปว่าปากีสถานเป็นประเทศที่มีความขัดแย้งอยู่ตลอดเวลา
“หลายคนที่ผมเคยพูดคุยด้วยกังวลเรื่องความ ปลอดภัย และคำถามนี้เป็นสิ่งที่ถูกถามบ่อยมากๆ เมื่อ 4-5 ปีก่อน แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ปากีสถานมีความปลอดภัยดีเยี่ยมเพราะเราดูแลจัดการกับปัญหาทุกอย่างที่เกิด ขึ้น” นายอาซิม อาหมัด เอกอัครราชทูตปากีสถานประจำไทย เกริ่นระหว่างให้สัมภาษณ์พิเศษกับข่าวสด
ก่อนอธิบายว่าปากีสถานมีพรมแดนติดต่อกับ หลายประเทศ บางครั้งก็มีการกระทบกระทั่งกัน แต่หากได้มาเที่ยวปากีสถานก็จะเห็นว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
อีกทั้งหลายปีที่ผ่านมาปากีสถานไม่มีข่าว เสียหายเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวเลยสักครั้ง แสดงให้เห็นว่าปากีสถานให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ทูตอาซิมกล่าวอีกว่า นอกจากความปลอดภัยแล้ว ปัจจัยอีกอย่างที่ทำให้ปากีสถานได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวนานาชาติ โดยเฉพาะฝั่งยุโรป เพราะเราต้อนรับอย่างอบอุ่น ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกสบายใจเหมือนอยู่ประเทศตัวเอง
เช่นเดียวกับประเทศไทยที่เป็นปลายทางปัก หมุดท่องเที่ยวยอดนิยม เนื่องจากคนไทยมีอัธยาศัยดี ชอบช่วยเหลือ ยิ้มแย้ม เป็นเจ้าบ้านที่ดี อีกสิ่งที่ปากีสถานคล้ายกับประเทศไทยมากๆ คือ เป็นแหล่งท่องเที่ยวราคาย่อมเยา ของถูก และอาหารถูก
แน่นอนว่ามีอีกหลายประเทศที่ค่าใช้จ่ายเป็นมิตรกับ นักท่องเที่ยว แล้วทำไมคนไทยควรไปเที่ยวปากีสถาน
นั่นเพราะปากีสถานมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชายหาด ทะเล ทะเลทราย ทะเลสาบ ที่ราบ และภูเขา ปากีสถานมีทุกอย่างผสมผสานเข้าด้วยกัน ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ รวมถึงมรดกตกทอดที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
และยิ่งมีเหตุผลให้น่าไปมากขึ้น เมื่อทางการปากีสถาน เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดให้คนไทยลองเปิดใจ เนื่องจากปี 2560 มีคนไทยเดินทางไปปากีสถานราว 3,000 คน แม้ในปี 2561 จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 6,000 คน แต่ตัวเลขที่น้อยมากเมื่อเทียบกับคนปากีสถานราว 85,000-90,000 คนที่เข้ามาเที่ยวในไทยเมื่อปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการผลักดันนโยบายดีๆ ซึ่งในส่วนของการทำวีซ่านั้น นักท่องเที่ยวสามารถขอและ รับวีซ่าได้ภายใน 1 วัน ยื่นขอตอนเช้า ตอนบ่ายรับได้แล้ว หรือไม่เกิน 2 วัน นักธุรกิจกับนักท่องเที่ยวแบบกลุ่ม 8-9 คนขึ้นไป สามารถขอวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองในปากีสถานได้เลย และอนาคตจะมีอี-วีซ่าให้บริการด้วย
“สำหรับเพื่อนชาวไทย ผมอยากแนะนำสิ่งที่ต่างจากแหล่งท่องเที่ยวในไทย คือ แถบภูเขาทางตอนเหนือ เนื่องจากมีสภาพอากาศเย็นสบายในช่วงหน้าร้อน เหมาะกับการหลบหนีจากอุณหภูมิร้อนๆ และยิ่งขึ้นไปทางเหนือมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเย็นจนนึกไม่ถึงเลยว่ายังอยู่ใน ฤดูร้อน บางที่อุณหภูมิใกล้ 0 องศา ขึ้นอยู่กับที่ที่จะไป แต่ส่วนใหญ่ทางเหนือมีอุณหภูมิราว 10-20 องศาเซลเซียส” ทูตอาซิมกล่าว
และว่าปากีสถานมียอดเขาสูงติดท็อป 14 ของโลกที่สูงเกิน 8,000 เมตร มากถึง 5 แห่ง ได้แก่ ยอดเขาเคทู สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ที่ 8,611 เมตร ยอดเขานังกาปาร์บัติ สูง 8,126 เมตร ยอดเขาอกเชอร์บรูม 1 สูง 8,080 เมตร ยอดเขาบรอดพีก สูง 8,051 เมตร และยอดเขา แกเชอร์บรูม 2 สูง 8,035 เมตร
ด้วยความงามชวนตะลึงของขุนเขาที่ตั้ง ตระหง่านเสียดฟ้า และวิวทิวทัศน์ที่เหมือนดั่งภาพโปสการ์ด ประกอบกับสภาพอากาศเย็นสบายเกือบทั้งปี หลายคนจึงกล่าวขวัญเรียกพื้นที่ ตอนเหนือของปากีสถานว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย แต่ นักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนที่เคยไปเยือนปากีสถานมักบอกกลับกันว่า สวิตเซอร์แลนด์น่ะเป็นหุบเขาสวัตแห่งยุโรปต่างหาก
แม้การเดินเขาจะน่าสนใจมาก แต่ต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นคนที่มีเวลาจำกัดท่านทูตเลยขออาสาแนะนำเส้นทางเที่ยว ฉบับย่อ เริ่มกันที่เมืองการาจี ไม่ก็เมืองละฮอร์ โดยการาจีนั้นเป็นเมืองเอกของแคว้นสินธ์ มีชายหาดสวยงาม มีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติปากีสถาน และ สุสานมาซาร์-อี-ควอเอด หรือ สุสานแห่งชาติ แลนด์มาร์กสำคัญของการาจี ยิ่งไปกว่านั้นในแคว้นสินธ์ยังมี นครโบราณโมเฮนโจดาโร มรดกโลกขององค์การยูเนสโก เมืองศูนย์กลางการปกครองสำคัญในอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ
ขณะที่ละฮอร์เป็นเมืองเอกของแคว้นปัญจาบ ได้รับการยกย่องเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของปากีสถาน มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าไป อาทิ ป้อมปราการ ละฮอร์ มัสยิดแบดชาฮิ สวนโมกุล พิพิธภัณฑ์ละฮอร์
และที่ พลาดไม่ได้คืออาหารท้องถิ่นซึ่งละฮอร์มีชื่อเสียงมากๆ ใช้เวลา ท่องเที่ยวในละฮอร์ 1-2 วัน จากนั้นใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ มุ่งหน้าสู่กรุงอิสลามาบัดซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน มีสถานที่สำคัญอย่างมัสยิดไฟซาล สถาบันมรดกพื้นเมืองแห่งชาติโลคเวร์ซา
แคว้นอาซาดจัมมูและแคชเมียร์ มีหุบเขานีลัม หุบเขาเฌลัม ส่วนเขตปกครองพิเศษ กิลกิต-บาลิสถาน มีหุบเขาฮุนซ่า หุบเขาเลื่องชื่อในเมืองกิลกิต กับทะเลสาบอัตตาบัด ทะเลสาบสี เทอร์ควอยซ์ที่เกิดจากเหตุการณ์ดินถล่ม
ปากีสถานไม่ได้มีดีแค่ธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมั่งคั่งไปด้วยประวัติศาสตร์และมรดกที่บรรพบุรุษสร้างไว้ แม้จะเป็นประเทศมุสลิม แต่ครั้งหนึ่ง เมืองตักสิลา แคว้นปัญจาบ เคยเป็นศูนย์กลางการเผยแพร่พุทธศาสนาในเอเชียกลาง และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก
โดยปรากฏหลักฐานซากสถูปเจดีย์ และวัดวาอารามหลายแห่ง ยังไม่รวมถึงอักขระจารึก ศิลปะหินสลักบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนา และมี พระเขี้ยวแก้ว หรือพระทันตธาตุส่วนที่เป็นเขี้ยวของ พระโคตมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่ในพิพิธภัณฑ์ตักสิลาด้วย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเปิดประสบการณ์ เรียนรู้วิถี ท้องถิ่น ปากีสถานมีเทศกาลน่าสนใจหลากหลายให้ร่วมสนุก โดยเทศกาลโดดเด่นที่ผู้คนพูดถึงมากที่สุดคือ การแข่งขันโปโลบนลานกว้างช่องเขาชานดูร ในเขตชิตรัล แคว้นไคเบอร์ปักตูนควา ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนกรกฎาคม และถือเป็นลานแข่งโปโลที่สูงที่สุดในโลก
“เที่ยวในปากีสถานไม่จำเป็นต้องถามว่าไป ฤดูกาลไหนถึงจะดี เพราะแต่ละที่มีความหลากหลาย ในหน้าร้อนเหมือนกัน ที่หนึ่งอุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส แต่อีกที่เกือบ 50 องศาเซลเซียส ถ้าอยากเล่นสกีแน่นอนว่าต้องไปช่วงหน้าหนาว ถ้าอยากมาสัมผัสความร้อนก็ได้เช่นกัน ถึงจะระอุไปหน่อยในบางเขตแต่เป็นช่วงที่ผลไม้อร่อยที่สุด โดยเฉพาะมะม่วง เที่ยวปากีสถานที่เดียวเหมือนได้เที่ยวหลายๆ ที่ หากได้มาสักครั้งจะต้องตกหลุมรัก และกลับไปเที่ยวปากีสถานอีก” ทูตอาซิมกล่าวทิ้งท้าย