สัปดาห์ที่ผ่านมามีการตีแผ่ร้านอาหารบนหาดกะรน จังหวัดภูเก็ต ที่นำเอาฉลามหัวบาตร และฉลามเสือดาว มาแขวนโชว์แล่เนื้อขายเป็นเมนูซาซิมิ ร้อนถึงบรรดานักอนุรักษ์ที่รีบออกมาเรียกร้องให้ทางการเร่งขึ้นบัญชีคุ้มครองฉลามสองสายพันธุ์ที่หาได้ยาก และเสี่ยงสูญพันธุ์

ว่าแล้วก็มาทำความรู้จักกับฉลองทั้งสองชนิดนี้ดีกว่า

สำหรับ“ฉลามเสือดาว” เป็นฉลามที่ไม่มีอันตรายต่อมนุษย์ มีครีบหางยาวมาก ส่วนหัวกลมสั้นทู่ ลำตัวสีเหลืองสลับลายจุดสีดำคล้ายลายเสือดาว ไม่มีฟันแหลมคมเหมือนฉลามชนิดอื่นๆ พบมากในทะเลแถบอินโด-แปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย เมื่อโตเต็มที่จะยาวประมาณ 1.5-2 เมตร และหนักราว 15-18 กิโลกรัม

ส่วน “ฉลามหัวบาตร” เป็นฉลามรูปร่างบึกบึน ลำตัวกว้าง และจมูกสั้น พวกมันเลยมีอีกชื่อหนึ่งว่า “บูลชาร์ก” หรือฉลามกระทิง ฉลามหัวบาตรโตเต็มวัยจะมีความยาวเฉลี่ย 2.5-3.5 เมตร น้ำหนักราว 95-130 กิโลกรัม และมีแรงกัดมากถึง 5,914 นิวตัน อาศัยอยู่ในมหาสมุทรที่มีน้ำอุ่น บางครั้งพบในแม่น้ำ และทะเลสาบ

แม้ฉลามจะดูน่ากลัว และบางทีมีนิสัยดุร้าย แต่ก็เป็นไปตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด ต่างจากมนุษย์ที่พรากชีวิตพวกมันเพียงเพราะอยากลอง อยากกินของแปลก

หากวันหนึ่งฉลามสูญพันธุ์ คงไม่ต้องโทษใครนอกจากตัวเราเอง?

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน