“นทธี ศศิวิมล”

เธอซักผ้าตั้งแต่ตื่นนอนตอนหกโมง จากนั้นก็เตรียมอาหารเช้าให้สามีก่อนเขาไปทำงาน เธอเองระหว่างรอผ้าซักในเครื่อง ดื่มกาแฟและกินขนมปังปิ้งหนึ่งคู่ แล้วกวาดบ้านถูบ้านรอผ้าซัก ตอนนั้นเองโทรศัพท์จากสามีก็ดังขึ้นบอกว่าเย็นนี้อาจจะต้องกลับค่ำเพราะหัวหน้าให้ไปดูโรงงานที่มีปัญหาที่พระประแดง กว่าจะเข้าออฟฟิศอีกทีก็คงใกล้งานเลิกแล้วต้องเขียนรายงานอีก หลังกดสายวางเธอตากผ้าแล้วออกไปห้างสรรพสินค้าซื้ออาหารแห้งเข้าบ้าน

เธอเดินผ่านร้านสุกี้ นึกอยากรับประทาน เคยชวนสามีหลายหน เขาบอกเปลืองตังค์แล้วกลับเดินพาไปกินสุกี้ชามในฟู้ดคอร์ตของห้าง เธอบ่น แหม ปีนึงนอกจากขึ้นปีใหม่แล้ว ไม่เคยได้กินนอกบ้านกันเลยนะ เมื่อวานเธอขายเบเกอรี่ที่ทำเองแล้วประกาศขายในไลน์กลุ่มของหมู่บ้านได้มาเกือบพันบาท เธอจึงตัดสินใจเดินเข้าร้านสุกี้สั่งกินกว่าชั่วโมงหมดไปเกือบพันบาทเท่ากับที่หามาได้ทั้งวันพอดิบพอดี เธอมีความสุข อิ่มไปถึงเย็นนี้ “ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องรอเขากลับมากินนี่”

เธอแต่งงานกับสามีมากว่าสิบปีแล้ว ไม่มีลูกด้วยกัน มีคำกล่าวที่ว่าชีวิตคู่แม้จะดีเลิศแต่จะพบปัญหาเมื่อเข้าสู่ปีที่ 7 ปีที่ 7 นั้นสามีกลับบ้านช้าบ่อยมากขึ้น ถ้าไม่ไปกินข้าว กินเหล้ากับเพื่อนในที่ทำงานก็มีติดเลี้ยงลูกค้า กลางปีนั้นทั้งคู่มีปากเสียงกัน เขาตบหน้าเธอ เธอจึงออกไปพักบ้านแม่ เขาตามง้อและขอโทษหลังจากนั้นสองอาทิตย์ ชีวิตคู่กลับมาชื่นมื่นอีกครั้งเหมือนตอนจีบกันใหม่ๆ ได้สองอาทิตย์เขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

หกโมงเย็นเธอคั้นน้ำส้มคั้นรอสามีกลับบ้าน ใส่แก้วแช่ตู้ย็นรอเขาไว้แก้วหนึ่ง ระหว่างนั้นก็ทำสปาเกตตีรอ เพราะตอนสี่โมงเย็นเขาโทร.มาบอกว่าอยากกินสปาเกตตีกุ้ง

ตอนค่ำสามีเธอกลับจากทำงาน เขาบ่นว่าวันนี้เหนื่อยมาก เธอถามว่าพร้อมจะกินหรือยัง

“ถามทำไม หิวจะกินช้างได้ทั้งตัวอยู่แล้ว” สามีตอบ

“ถามแค่นี้ไม่เห็นต้องย้อน”

“ก็คนมันเหนื่อยนี่”

“รู้ แต่ไม่เห็นต้องพูดแบบนี้”

“ชั้นทำงานทั้งวันนะ ไม่เหมือนเธอนี่ อยู่บ้านสบายทั้งวัน”

“ถ้างานบ้านนี่สบาย มาแลกกันมะ ชั้นไปทำงาน เธออยู่บ้านดูแลบ้านช่อง” ภรรยาบ่น

“ไม่ดงไม่แดกมันแล้ว” สามีคว่ำจานใส่โต๊ะรับประทานอาหารแล้วลุกออกจากบ้าน

“เอ่อ ไปแล้วไม่ต้องกลับมานะ” เธอตวาดตาม

ห้าทุ่มก็ยังไม่มีโทรศัพท์จากเขา เธอเริ่มกังวลและเครียด ยิ่งเวลาผ่านไปความรู้สึกว่าเขาคงโกรธมากและเกรงความสัมพันธ์จะแย่ลงอีก พักหลังเขาเริ่มคุยกับเธอน้อยลงๆ ในแต่ละวันแล้วอยู่ด้วย ไม่น่าเลย ไม่น่าจะต้องไปต่อปากต่อคำเลย เธอคิด

เที่ยงคืน เธอตัดสินใจโทร.ไปหาเขา สายติดแต่ไม่มีใครรับ เธอปล่อยรอจนสายตัดไป เขาคงยังไม่อยากรับ เธอบอกตัวเองแล้วเข้านอน

รู้สึกตัวตีสามแล้ว เธอมองไปที่ที่เขาเคยนอนทุกคืน ไม่พบ?

เธอลุกไปดื่มน้ำชั้นล่าง เมื่อกลับเข้ามาในห้องกลับพบเขานอนบนเตียงแล้ว เธอดีใจมาก ค่อยๆ ล้มลงนอนข้างๆ ก่อนจะหันไปกอดเขาหลวมๆ เขาเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืด “ผมรักคุณนะ”

เธออมยิ้มในความมืด เขาคงให้อภัยเธอแล้ว

เขาพูดต่อ “ตู้เซฟของเรารหัส” เขาบอกเลขรหัสแล้วหยุดเงียบ เธอก็รู้สึกราวกับเขาจะยิ้มออกมาท่ามกลางความมืด เธอไม่เห็นหรอก แต่สัมผัสได้

“ในลิ้นชักผมมีหนังสือสัญญาที่เพื่อนที่ออฟฟิศยืมเงินผมไปหมื่นนึง ผมขอโทษนะที่ไม่ได้บอก”

“ไม่เป็นไร ชั้นก็มีเรื่องไม่ได้บอกเหมือนกัน วันนี้ขายขนมได้ 980 เอาไปกินสุกี้จนหมด ขอโทษนะ อยากกินมาก”

“ชั้นต้องขอโทษเธอต่างหากที่ประหยัดจนเกินไป”

“ไม่หรอก ประหยัดไว้ก็ช่วยให้เราไม่ลำบาก” เธอบอก

“เจ๊ตามสั่งหน้าปากซอย ชั้นติดเขาไว้สี่สิบบาทค่ากะเพราหมูสับจานนึง พอดีตอนเย็นที่ออกไป หิวข้าวก็เลยแวะ เจ๊เขาไม่มีตังค์ทอน ให้เขาแบงก์พัน พอดีไม่มีเงินปลีกติดตัวเลย” เขาบอก “ช่วยไปจ่ายให้ด้วยนะ”

ถ้าไม่ใช่เวลาอย่างงี้ เธอคงตอบไปว่า ก็ไปจ่ายเองสิ แต่นี่กำลังง้อกันอยู่ “ได้ จะไปจ่ายแต่เช้าเลย”

“รักเธอนะ ขอบใจที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอรักชั้น ชั้นรู้ ชั้นขอโทษที่ทำเรื่องงี่เง่ากับเธอไป ห่างเหินกับเธอมากไปพักนี้ ขอโทษนะ”

“ไม่ต้องหรอก ชั้นต่างหากต้องขอโทษเธอที่อารมณ์เสียบ่อย” แล้วเธอก็เอื้อมไปกอดเขา แต่เขาไม่อยู่แล้ว ลุกขึ้นไปตอนไหนนะ ทำไมไม่รู้ เร็วจัง

เธอนอนรอเขาจนเผลอหลับไป

เช้ามืดเธอถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์จากแม่ แม่พูดทันทีที่เธอกดรับ “อย่าคิดมากนะ เดี๋ยวแม่ไปอยู่เป็นเพื่อน”

“เรื่องอะไรหรือแม่ หนูตามไม่ทัน”

“เรื่องผัวลูกไง”

“ทำไมหรือคะ”

“อ้าว แม่ห่วงหนู”

“ห่วง?” น้ำเสียงเธอแปลกใจ

“แม่เห็นข่าวในทีวีแล้ว”

“ข่าวในทีวี? อะไรคะ”

“ข่าวผัวลูกไง”

“ผัวหนูทำไมคะ”

“แม่ดูข่าวแล้ว แม่ถึงได้ห่วงไง หนูทำเหมือนรับไม่ได้ แม่เข้าใจนะ คนเราเกิดมาต้องตายทุกคน เขาแค่ไปเร็วกว่าแม่กับหนูเอง แม่ว่าคงมีปัญหากับระบบรถ เขาเลยบังคับรถไม่ได้จนตกจากที่จอด”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน