พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. แถลง

หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม. จับกุมตัวได้ ภายในบ้านพักในเขต อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ตามหมายจับของศาล มทบ.23 รวมทั้งหมด 6 ข้อกล่าวหา

พร้อมรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส ทะเบียน ภก-5567 กทม. โดยหน้ารถมีหมวก ป้ายชื่อ ภาพถ่าย และเครื่องหมายทหาร วางอยู่ โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง, รถจักรยานยนต์ 1 คัน แฟลชไดรฟ์ และสารหล่อลื่นจำนวนมาก

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งปัจจุบันถูกออกราชการแล้ว

คือการใช้แอพพลิเคชั่น “Blued” ในการติดต่อพูดคุยกับเด็กชายที่มีอายุไม่ต่ำ 15 ปี ที่สามารถติดต่อ พูดคุยกันทั่วประเทศ

ก่อนชักชวนกันมาคุยในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเด็กผู้ชายวัยรุ่นหลงเชื่อและเข้ามาพูดคุยจำนวนมาก เนื่องจากผู้ต้องหาใช้ภาพโปรไฟล์ที่เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี

แช็ตหาเหยื่อผ่านแอพ

โดยในช่วงของการพูดคุยกัน ผู้ต้องหาได้ให้เด็กชายที่คุยด้วยส่งภาพอวัยวะเพศ และภาพลามกอนาจารมาให้ จากนั้น ผู้ต้องหาจะเก็บภาพดังกล่าวไว้ทั้งหมด ก่อนจะก็มีการนัดแนะเพื่อเจอตัวกัน

ซึ่งเมื่อผู้เสียหายมาพบ ก็พบว่าไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในภาพตามที่ปรากฏใน เฟซบุ๊ก หากขัดขืนก็จะถูกบังคับขืนใจ และถ่ายวิดีโอเอาไว้ข่มขู่

“ผู้เสียหายที่เป็นต้นเรื่อง ที่มีการร้องเรียนผ่าน ศปอส.ตร.นั้น ได้พบกับผู้ต้องหาในพื้นที่ อ.น้ำพอง โดยเมื่อมาพบกันก็ถูกผู้ต้องหาบังคับข่มขืนภายในรถ โดยอ้างว่าหากไม่ยินยอมจะนำภาพที่ส่งมาให้โพสต์เพื่อเป็นการแบล็กเมล์และ ประจานผ่านสื่อ

ขณะที่จากการสอบสวนพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ติดเชื้อเอชไอวี มาตั้งแต่ปี 2552 โดยเข้ารับการรักษาเมื่อปี 2558 และเพิ่งย้ายมาประจำการที่ขอนแก่นได้เพียง 8 เดือนเท่านั้น” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าว

ใช้รูปปลอมหลอกเหยื่อ

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบยังพบว่า ผู้ต้องหามีการจดบันทึกข้อมูลของผู้เสียหายที่ข่มขืนกระทำชำเราไว้ด้วย โดยมียอดรวมของผู้ถูกกระทำรวม 75 ราย

ในจำนวนนี้มีการจดบันทึกข้อมูลเหยื่อเอาไว้ มีรายชื่อและที่อยู่ชัดเจนรวม 28 ราย ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ บก.ปคม. สืบสวนสอบสวนร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะ เพราะมีผู้เสียหายที่เป็นเด็กชาย อายุต่ำกว่า 15 ปี อยู่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ

ขณะที่เบื้องหลังการจับกุมจ่าตุ๋ยรายนี้ สืบเนื่องมาจากนายเอก (นามสมมติ) อายุ 30 ปี พยานสำคัญในคดีรู้ถึงพฤติกรรมดังกล่าว หลังจากที่ผู้เสียหายที่เป็นน้องในหมู่บ้าน มาเล่าให้ฟัง จึงเริ่มรวบรวมข้อมูลปลอมตัวเป็นเด็กชาย แช็ตเข้าไปคุยกับผู้ต้องหาจนได้หลักฐานแน่ชัด

ก่อนส่งเรื่องไปที่เพจ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล จากนั้นจึงมี เจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อเข้ามาขอข้อมูล ก่อนนำมาสู่การสืบสวนจับกุมดังกล่าว

นายเอกยอมรับว่าส่วนตัวยอมรับว่ากลัวในเรื่องดังกล่าว เพราะผู้ต้องหาเป็นถึงข้าราชการ แต่ด้วยความที่ไม่ต้องการให้มีเหยื่อถูกหลอกในลักษณะดังกล่าวนี้อีกจึงยอมเสี่ยง จากการที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วนั้น ไม่เชื่อว่าจะมีผู้เสียหายเพียง 75 ราย เพราะจากการหาข้อมูลในโลกโซเชี่ยล มีผู้ที่ถูกกระทำน่าจะมากกว่า 100 ราย แต่ไม่มีใครกล้าที่จะแสดงตัวและกล้าที่จะออกมาเปิดเผยตัวเอง

แต่วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนที่เป็นผู้ถูก กระทำจะต้องออกมาต่อสู้ และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อเอาผิดกับผู้ต้องหารายนี้ถึงที่สุด เพราะหากไม่ช่วยกันอาจจะมีเหยื่อที่ถูกข่มขืนกระทำชำเราหรือถูกกระทำใน ลักษณะดังกล่าวนี้อีกอย่างต่อเนื่อง

“ประเทศไทยไม่ควรที่จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วเราทุกคนต้องร่วมมือกัน ยอมรับว่าเหยื่อหลายคนกลัวความอับอาย แต่ถ้าไม่ร่วมมือกัน ไม่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ พยานหลักฐานต่างๆ ก็จะไม่สามารถเอาผิดคนที่กระทำความผิดได้อย่างเต็มที่ และเมื่อมาทราบว่าผู้ต้องหานั้นติดเชื้อเอชไอวี ยิ่งทำให้ช็อกเพิ่มขึ้นจึงอยากให้เหยื่อได้เข้ารับการรักษา และเข้าสู่ขั้นตอนของการเยียวยาจากหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบต่อไป” นายเอกกล่าว

ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุด ยังมีผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความ และให้ปากคำกับตำรวจอย่างต่อเนื่องนับเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่นำมาสู่การจับกุมได้สำเร็จ เข้ากับยุค 4 จีโดยแท้

สนใจข่าวที่เกี่ยวข้องที่…

• เปิดใจหนุ่ม ผู้เปิดโปง จ.ส.อ.ติดเอดส์ ตุ๋ยเด็กชาย ปลอมตัวสืบข้อมูล ส่งเรื่องให้ “บิ๊กโจ๊ก”

• ฟัน6ข้อหา! ทหารติดเอดส์ ลวงตุ๋ยเด็กนับ 100 คน ค้นบ้านเจอสารหล่อลื่นเป็นลัง

• เหยื่อด.ช.โผล่แฉ! ‘จ.ส.อ.’ติดเอดส์จับล็อกตุ๋ยในรถ ติดกล้องแอบถ่ายแบล็คเมล์ด้วย