จากกรณีตำรวจจับกุม จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี สังกัดค่ายทหารแห่งหนึ่งในจ.ขอนแก่น ซึ่งติดเชื้อเฮสไอวีแล้วไปก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราเด็กชาย อายุต่ำกว่า 15 ปี ในหลายจังหวัดทั่วประเทศไว้แบล็คเมล์ โดยมีการจดบันทึกข้อมูลเหยื่อที่ถูกกระทำรวม 75 ราย ในจำนวนนี้มีรายชื่อและที่อยู่ชัดเจนถึง 28 ราย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 8 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายเอก (นามสมมติ) อายุ 30 ปี พยานสำคัญในคดีที่ จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อดีตทหารสังกัดแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ถูกจับกุมตัว หลังตระเวนข่มขืนเด็กชาย โดยนาย รู้ถึงพฤติกรรมดังกล่าว ก่อนตัดสินในส่งเรื่องร้องเรียนไปยัง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และมีการส่งเรื่องไปยังเพจของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล รรท.ผบช.สตม. จนนำไปสู่การจับกุมดังกล่าว

นายเอก กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้เสียหายที่เป็นน้องในหมู่บ้าน มาเล่าให้ฟัง เนื่องจากถูก จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ ข่มขืนกระทำชำเรา โดยใช้เฟซบุ๊กชื่อของตัวเอง ติดต่อเหยื่อ บอกว่าจะให้เงินเดือนๆ ละ 5,000 บาท และโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ จนกระทั่งมีการพูดคุยผ่านเฟซบุ๊ก และมีการส่งภาพลามกอนาจารให้กันและกันระหว่างชายกับชาย ก่อนนัดพบกันภายในเขต อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เมื่อเหยื่อไปหาก็พบว่าไม่ใช่บุคคลเดียวกับในรูปที่ปรากฎในเฟซบุ๊ก แล้วถูกข่มขืนกระทำชำเราบนรถ โดยขู่ว่าหากไม่ยอมจะเผยแพร่ภาพลามกอนาจารที่มีอยู่ และในครั้งที่ 2 จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ ได้ติดต่อมาอีกครั้ง โดยระบุว่าหากไม่มาพบและมีเพศสัมพันธ์ด้วยจะเผยแพร่ภาพในโลกโซเชียล และภาพที่จะเผยแพร่นั้นเป็นคลิปภาพที่ถูกข่มขืน ซึ่ง จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ นั้นติดตั้งกล้องแอบถ่ายไว้ภายในรถด้วย

เหยื่อจึงยอมเดินทางไปตามนัด โดยหวังว่า จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ จะยอมลบภาพทิ้ง แต่กลับถูกข่มขืนถึง 4 ครั้ง จากนั้นเหยื่อจึงนำเรื่องมาจากบอกตนเพราะไม่รู้จะพึ่งใคร เมื่อทราบเรื่องตนจึงเริ่มรวบรวมข้อมูลปลอมตัวเป็นนักสืบไซเบอร์ เข้าไปคุยกับผู้ต้องหาจนได้หลักฐานแน่ชัด จึงส่งเรื่องไปที่เพจ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อเข้ามา โดยส่วนตัวยอมรับว่ากลัวในเรื่องดังกล่าว เพราะผู้ต้องหาเป็นถึงข้าราชการ แต่ด้วยความที่ไม่ต้องการให้มีเหยื่อถูกหลอกในลักษณะดังกล่าวนี้อีก

นายเอก กล่าวต่อว่า จากการที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วนั้น ไม่เชื่อว่าจะมีผู้เสียหายเพียง 75 ราย เพราะจากการหาข้อมูลในโลกโซเชียล มีผู้ที่ถูกกระทำน่าจะมากกว่า 100 ราย แต่ไม่มีใครกล้าที่จะแสดงตัวและกล้าที่จะออกมาเปิดเผยตัวเอง แต่วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนที่เป็นผู้ถูกกระทำจะต้องออกมาต่อสู้ และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อเอาผิดกับผู้ต้องหารายนี้ถึงที่สุด เพราะหากไม่ช่วยกันอาจจะมีเหยื่อที่ถูกข่มขืนกระทำชำเราหรือถูกกระทำในลักษณะดังกล่าวนี้อีกอย่างต่อเนื่องเพราะผู้ต้องหานั้นเลือกเหยื่อทั่วทั้งประเทศ

“ประเทศไทยไม่ควรที่จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วเราทุกคนต้องร่วมมือกัน ยอมรับว่าเหยื่อหลายคนกลัวความอับอาย แต่ถ้าไม่ร่วมมือกัน ไม่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่พยาน หลักฐานต่างๆ ก็จะไม่สามารถเอาผิดคนที่กระทำความผิดได้อย่างเต็มที่และเมื่อมาทราบว่าผู้ต้องหานั้นติดเชื้อเฮชไอวี ยิ่งทำให้ช็อกเพิ่มขึ้นจึงอยากให้เหยื่อได้เข้ารับการรักษาและเข้าสู่ขั้นตอนของการเยี่ยวยาจากหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบต่อไป” นายเอก กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน