วิเคราะห์การเมือง : ผลพวง รายรับ ของเดิน คารวะ แผ่นดิน ต่อ การเลือกตั้ง
เป้าหมายในการเปิดปฏิบัติการ “เดินเพื่อคารวะแผ่นดิน” ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรครวมพลังประชาชาติไทย แม้เฉพาะหน้าคือการหาสมาชิกตามที่ขออนุญาตต่อกกต.
แต่ที่ลึกยิ่งกว่านั้น คือ การหาเสียง สร้างคะแนนนิยม
ด้วยพื้นฐานที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถือได้ว่า “เกิดใหม่” มาจากการเคลื่อนไหวในห้วงปลายปี 2556 และต้นปี 2557 ผ่านกระบวนการ “มวลมหาประชาชน”
เมื่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ก็หวังจะได้ “อานิสงส์”
เพราะการเริ่มต้นเดินจากปากคลองตลาด วรจักร เยาวราช ประตูน้ำ ราชประสงค์ ราชดำริ สีลม สาทร เจริญกรุง ก็เท่ากับย่ำไปกับรอยเดิมเมื่อต้นปี 2557 เท่ากับเอา “มวลมหาประชาชน” มาต่อยอด
คำถามก็คือ ประสบผลสำเร็จหรือไม่
อาจเร็วเกินไปที่จะถือว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทยของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประสบผลสำเร็จหรือว่าล้มเหลว
แต่ตัวของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คงได้คำตอบ
ขณะเดียวกัน เสียงเตือนอันดังมาจาก นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ ซึ่งถือเป็นพันธมิตรที่ปรารถนาดีต่อพรรครวมพลังประชาชาติไทย
ก็น่าจะมี “บทบาท” และทรง “ความหมาย”
ไม่เพียงแต่จะเตือน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คนเดียวหากพุ่งไปยัง ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล และรวมถึง นายสุริยะใส กตะศิลา นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ด้วย
โดยเตือนให้ยุติการเดินคารวะแผ่นดิน
มีการขานรับอย่างคึกคักตลอด 2 รายทางที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ต้อยๆ เดินตาม ไม่ว่าจะเป็นที่เยาวราชหรือสีลม
กระนั้น ก็ปรากฏ “ภาพ” ที่ไม่คาดคิดขึ้น
เป็นภาพจากคนที่ร้องตะโกนดังๆ ว่า “โกหกอีกแล้ว” เป็นภาพจากคนที่ไปยืนถือป้ายเป็นภาษาอังกฤษระบุว่า LIAR LIAR
แปลออกมาว่าอย่างไร นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็น่าจะรู้
สะท้อนให้เห็นว่า การฟื้นภาพ “มวลมหาประชาชน” มิได้หมายความว่าจะได้ผลในทางบวกด้านเดียว ตรงกันข้าม มีปฏิกิริยาในด้านลบตามมาด้วย
นี่อาจเป็นสิ่งที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มิได้คาดคิด
ผลสะเทือนอย่างตรงที่สุดก็คือ ปฏิบัติการ “เดินคารวะแผ่นดิน” ทำให้ภาพก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เด่นชัดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ทำให้เห็นความสัมพันธ์ ยึดโยง ก่อนและหลังรัฐประหาร
ทุกอย่างจึงนำไปสู่การขบคิดและพิจารณาอย่างจริงจังว่า นับแต่ก่อนและหลังเดือนพฤษภาคม 2557 กระทั่งมาถึงเดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นอย่างไร ดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น
ตรงนี้จะมีผลสะเทือนไปถึง “การเลือกตั้ง” แน่นอน รับรองได้
