วิเคราะห์การเมือง : เวที ปราศรัย คน “อยาก” เลือกตั้ง คึกคัก เข้มข้น

วิเคราะห์การเมือง : ไม่ว่าแถลงจากเลขาธิการคสช. ไม่ว่าแถลงจากโฆษกคสช. ไม่ว่าแถลงจากโฆษกกระทรวงกลาโหม ไม่ว่าแถลงจากโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย

โฟกัสไปยังการเคลื่อนไหวของ “คนอยากเลือกตั้ง”

แต่ดูเหมือนว่านิยาม “คนอยากเลือกตั้ง” เน้นอย่างเป็นพิเศษไปยังการเคลื่อนไหวที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และที่แยกราชประสงค์อย่างเป็นด้านหลัก

และก็ลงความเห็นอย่างเยาะหยันว่า เป็นคนกลุ่มเดียว

เหมือนอย่างที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวที่จังหวัดเชียงใหม่ว่าเป็นเพียงคนหลัก 100 เมื่อเทียบกับ 70 ล้านคนก็ถือว่าน้อยมาก

ทั้งๆ ที่ความจริง “คนอยากเลือกตั้ง” มีมากกว่านั้น

หากบรรดาโฆษกทั้งหลายอันส่งเสียงมาจาก “กองทัพ” มีเวลาให้ความสนใจกับการเดินสายปราศรัยไม่ว่าจะเรียกว่าหาเสียงหรือหาสมาชิกของแต่ละพรรคการเมือง

ก็จะสัมผัสได้ในความรู้สึก “อยากเลือกตั้ง”

ไม่ว่าจะเป็นการจัดขึ้นโดยพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นการจัดขึ้นโดยพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นการจัดขึ้น โดยพรรคไทยรักษาชาติ ไม่ว่าจะเป็นการจัดขึ้นโดยพรรคอนาคตใหม่

นั่นแหละคือเงาสะท้อน “คนอยากเลือกตั้ง” จริงๆ

หากมองจากสายตาของ “กองทัพ” การชุมนุมของพรรคพลังประชารัฐอาจแลดูน่ารัก น่าสนับสนุนก็ขอให้ลองไปติดตามการชุมนุมฟังคำปราศรัยของพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ พรรคอนาคตใหม่ดู

แล้วจะรู้ว่ามี “คนอยากเลือกตั้ง” อยู่เป็นจำนวนมหาศาลอย่างยิ่ง

ปรากฏการณ์ที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยิ่งปราศรัย ยิ่งเข้มข้น และเปี่ยมด้วยอารมณ์ “ร่วม” กับชาวบ้านถึงกับกระโจนลงจากเวทีไปหาชาวบ้าน

นั่นแหละคือรสชาติอันแท้จริงของ “คนอยากเลือกตั้ง”

ขณะเดียวกัน ใครก็ตามที่เป็นแฟนานุแฟน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือ นายอดิศร เพียงเกษ หรือ นายสุทิน คลังแสง ก็สามารถพบบรรยากาศ

“พวกผมมามิใช่มาปลุกปั่น แต่มาเพื่อยุยง” แล้วหยุด

จากนั้น จึงค่อยปล่อยถ้อยคำเต็มว่า “ยุยงให้เลือกพรรคเพื่อไทย เพื่อขับไล่คสช. ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

เสียงชโยโห่ร้องก็จะดังสนั่นตามมา

จากนี้จึงเห็นได้ว่า นับแต่มีการประกาศและบังคับใช้พ.ร.ป.อันเกี่ยวกับการเลือกตั้งครบทั้ง 4 ฉบับเมื่อ วันที่ 11 ธันวาคม เป็นต้นมา

เท่ากับส่ง “สัญญาณ” ทางการเมืองอย่างเด่นชัด

เด่นชัดว่า ไม่มีใครสามารถสกัดหรือขัดขวาง “การเลือกตั้ง” ได้อย่างเด็ดขาด อาจทำได้ก็แค่ระยะเวลาหนึ่ง แต่มิอาจยื้อเหมือนที่เคยทำมาตั้งแต่ปี 2558

เพราะยิ่งนานวันยิ่งมี “คนอยากเลือกตั้ง” มากเป็นทบเท่า ทวีคูณ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน