โฉมหน้ารัฐบาล ในพฤษภาคม 2562 เริ่มเด่นชัดขึ้น
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
โฉมหน้ารัฐบาลในพฤษภาคม 2562เริ่มเด่นชัดขึ้น : หากกกต.สามารถใช้สูตรคำนวณด้วยการให้ความเคารพต่อคะแนนเสียง 3.1 หมื่นคะแนนได้ตามที่วาดหวังเอาไว้ รัฐบาลจากการเลือกตั้งจะเป็นรัฐบาล “ผสม” ที่อึกทึกที่สุด
เพราะจะมี 12 ส.ส. จาก 12 พรรคเข้าร่วม
ขณะที่พรรคยืนพื้น 1 พรรคพลังประชารัฐ 1 พรรคประชาธิปัตย์ 1 พรรคภูมิใจไทย 1 พรรคชาติไทยพัฒนา 1 พรรคชาติพัฒนา 1 พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 พรรคพลังท้องถิ่นไท 1 พรรครักษ์ผืนป่า
รวมกับ 12 พรรคเล็กก็เท่ากับ 20 พรรคการเมือง
นี่ย่อมมากกว่าบรรดา “สหพรรค” ที่แวดล้อมอยู่โดยรอบ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคมภายหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2518 เด่นชัด
ปัญหามิได้อยู่ที่ว่า 12 ส.ส. จาก 12 พรรคการเมืองเล็กจะมีข้อต่อรองอย่างไรภายในคณิตศาสตร์การเมืองก่อนจัดตั้งรัฐบาล
หากอยู่ที่ “โควตา” ของแต่ละพรรคการเมืองมากกว่า
พรรคอย่างพรรคภูมิใจไทย อย่างพรรคชาติไทยพัฒนา อย่างพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือแม้กระทั่งพรรคพลังท้องถิ่นไท ย่อมต้องมีเงื่อนไขอย่างแน่นอน
ยิ่ง 35 เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งแข็งแกร่ง
คำถามก็คือ กลุ่มนายพลที่ล่มหัวจมท้ายเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 จะอยู่อย่างไร กลุ่มเศรษฐกิจการตลาด กลุ่มสามมิตร จะอยู่อย่างไร
ก็รู้อยู่แล้วว่ากลุ่มแกนนำพรรคพลังประชารัฐต้องการรักษากระทรวงเศรษฐกิจ ขณะที่ทางด้านพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องการ
ยิ่งพรรคภูมิใจไทยยิ่งจองกระทรวงคมนาคม
คำถามก็คือ กระทรวงมหาดไทยที่เป็นโควตาของคสช.จะยังรักษาไว้ได้หรือไม่เพราะพรรคภูมิใจไทยก็เคยยึดครองมาแล้ว
ยังพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็ต้องการแก้ปัญหายาง ปาล์มน้ำมัน
มีความเป็นไปได้ว่าสมญานาม “ฤๅษีเลี้ยงลิง” ซึ่งเคยเป็นของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช แห่งพรรคประชาธิปัตย์อาจถูกแย่งชิงไปโดยคนอื่น
ต้องยอมรับว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยการประเคนมอบให้จากพรรคพลังประชารัฐแน่นอน
เพราะมี 250 ส.ว.เป็นหลักประกัน
กระนั้น เมื่อองค์ประกอบของรัฐบาลมีมากถึง 20 พรรคการเมืองสถานการณ์ย่อมต่างไปจากในห้วงหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 อย่างแน่นอน
เดือนพฤษภาคม 2562 มี “คำตอบ”
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง