กดดัน การเมือง รุกไล่ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ปิดท่อ อำนาจคสช.

คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

วิเคราะห์การเมืองการระบุชื่อ พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับชื่อ พล.. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในเชิงว่าอาจเป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาลเหมือนกับเป็นเรื่องไม่น่าเป็น ไปได้

น่าจะเป็นการปล่อยข่าวจากภายนอก

คำว่าภายนอกในที่นี้หมายถึงไม่เพียงแต่นอก พรรคพลังประชารัฐ หากแต่น่าจะเป็นภายนอกวงเจรจาระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคอันเป็นเป้า หมาย

ความหมายก็คือ น่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย

แต่ยิ่งติดตามกระบวนการเจรจาต่อรอง กลับยิ่งได้รับการยืนยันเบาะแสว่าเป็นปัญหาอันเกิดขึ้นและดำรงอยู่ภายในโต๊ะ เจรจาอย่างเป็นจริง มิใช่การกดดันจากภายนอก

หากตรวจสอบจากสื่อบางสำนักซึ่งอ้างอิงแหล่ง ข่าวจากพรรคพลังประชารัฐก็จะเห็นว่าไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลย เพราะการอ้างอิงอยู่บนเหตุผลที่ต้องการลบภาพการสืบทอดอำนาจ

นี่คือปัญหาที่พรรคพลังประชารัฐวิตกตั้งแต่เริ่มต้น

เห็นได้จากความพยายามของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เน้นแล้วเน้นอีกว่า กระบวนการของพรรคพลังประชารัฐมิใช่การสืบทอดอำนาจ

แม้จะมีชื่อ พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี

กระนั้น การตัดชื่อ พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมกับการตัดชื่อ พล..อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็ด้วยเหตุผลที่ต้องการลบภาพการสืบทอดอำนาจของ คสช.ออกไป

ต้องยอมรับว่าสถานการณ์รุกไล่ต่อทางเลือกใน ทางการเมืองของ พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล..อนุพงษ์ เผ่าจินดา เช่นนี้มาจากปัจจัยภายนอกเป็นเบื้องต้น

นั่นก็คือ ยุทธศาสตร์ต้านการสืบทอดอำนาจของคสช.

รูปธรรมก็คือ การสามารถรวมตัวและลงสัตยาบันร่วมกันเพียง 3 วันหลังการเลือกตั้ง กลายเป็นบังเกอร์ใหญ่ในทางการเมือง

ส่งผลสะเทือนให้เกิดเป็นประเด็นในการเจรจา ต่อรอง

ความหมายก็คือ เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ 52 เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ 51 เสียงจากพรรคภูมิใจไทยใช้ในการรุกไล่ เบียดแทรกเข้าไปในพื้นที่ของพรรคพลังประชารัฐ

เหมือนกับความพยายามช่วงชิงของคสช. และพรรคพลังประชารัฐในการจัดตั้งรัฐบาลจะทำให้ดำรงอยู่ในเชิงเป็นฝ่ายรุกทางการเมือง

แต่ภายในรุกก็กลายเป็นการตั้งรับขึ้นมาได้

หากต้องตัด พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ หากต้องตัด พล..อนุพงษ์ เผ่าจินดา คงเหลือเพียง พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างโดดเดี่ยว โด่เด่

นี่ย่อมเป็นผลสะเทือนจากยุทธศาสตร์ต้านการสืบทอดอำนาจอย่างเห็นเป็นรูปธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน