เป้าหมาย การเมือง บทบาท เข้มข้น มหาดไทย ตระเตรียม เลือกตั้ง
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
เหมือนกับเป้าหมายในการกระแทกภายใต้ม่านควันแห่งการจัดตั้งรัฐบาลจะพุ่งไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เพื่อตัดกำลังคสช.
ทำให้อย่างน้อย 3 ป. ก็เหลือเพียง 1
เหมือนกับเป้าหมายหลักในการช่วงชิงจะอยู่ที่กระทรวงกลาโหม กับ กระทรวงมหาดไทย อันเป็นเช่น “กล่องดวงใจ” ของคสช.
ไม่ว่าจะมาจาก “ภายใน” ไม่ว่าจะมาจาก “ภายนอก”
เป้าหมายจริงๆ จึงมิใช่กระทรวงกลาโหม เป้าหมายจริงๆ จึงมิใช่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หากแต่เป็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และกระทรวงมหาดไทยต่างหากที่เป็นเป้าหมายแท้จริง
ไม่ว่าข้อเสนอนี้จะมาจากภายในของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าข้อเสนอนี้จะมาจากในระหว่างการต่อรองของพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย
ทุกคนย่อมรู้ว่าทำอะไรกระทรวงกลาโหมไม่ได้
ในเมื่อพื้นฐานของคสช.มาจากกองทัพ มาจากการ ทำรัฐประหาร เป็นไปไม่ได้หรอกที่คสช.จะวางมือจากกระทรวงกลาโหม
จะตัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกไปจากวงจร
แต่ความเป็นไปได้ที่จะปล่อยกระทรวงมหาดไทย ความเป็นไปได้ที่จะตัด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มีแนวโน้มและความเป็นไปได้สูงกว่า
ต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองถือกระทรวงมหาดไทยเป็นกล่องดวงใจ มีผลสะเทือนกว้างไกลเป็นอย่างมากต่อการเลือกตั้ง ไม่ว่าระดับท้องถิ่น ไม่ว่าระดับชาติ
นี่คือ กองกำลังอันแข็งแกร่งทางด้าน “พลเรือน”
ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ล้วนต้องการเข้าไปมีบทบาทในกระทรวงมหาดไทย
หากเป็นรัฐมนตรีว่าการไม่ได้ ก็ต้องชิงรัฐมนตรีช่วยว่าการ
การทดสอบผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เพื่อหยั่งเชิงว่าคสช.จะยังเหนียวแน่นกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่จะคุมกระทรวงมหาดไทยต่อไปมาก เพียงใด
พรรคการเมืองใดที่วางยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อ กำชัยในการเลือกตั้ง เมื่อรู้ว่าไม่สามารถแตะไปยังกระทรวงกลาโหมได้ก็วางเป้าหมายไว้ 2 แนว
แนว 1 กระทรวงมหาดไทย 1 แนว 1 กระทรวง เศรษฐกิจ
การยื้อของพรรคพลังประชารัฐจึงทรงความหมาย การต่อรองและพยายามเบียดแทรกเข้าไปของพรรคร่วมรัฐบาลจึงมีความสำคัญ
ในนามของการทำเพื่อประเทศชาติ ทำเพื่อประชาชน
อ่านข่าว