วิเคราะห์การเมือง : การเมือง เหลือเชื่อ กระทบ ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นไปได้อย่างไร
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
วิเคราะห์การเมือง – เป็นไปได้หรือที่การต่อรองให้ตัดชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ออกไปจากวงจรแห่งรัฐบาลใหม่
ไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ
ไม่น่าเชื่อเพราะว่าไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ล้วนดำรงอยู่ในสถานะ “พี่ใหญ่” แห่งกองกำลัง “บูรพาพยัคฆ์”
เป็นคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความเคารพ
การตัดชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ การตัดชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เท่ากับเป็นการตัดกล่องดวงใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นไปได้อย่างไร
ทั้งๆ ที่เป็นข้อเสนอที่เป็นไปไม่ได้และไม่น่าเชื่อ แล้วเหตุใดจึงเกิดความเชื่อมากขึ้นและเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการต่อรอง
เพราะว่าพรรคพลังประชารัฐมีเพียง 115 เสียง
แม้จะมั่นใจว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” นั่นก็คือมีสูตรคำนวณในการคัดออก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมกับมี 250 ส.ว. ยกมือให้เหมือนฝักถั่ว
แต่เมื่อมีเพียง 115 เสียงรองรังย่อมไม่หนักแน่น จริงจัง
เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์มีถึง 52 เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยมีถึง 51 เนื่องจากพรรคชาติไทยพัฒนามีอยู่ 10 หากจับมือกันได้ก็ย่อมเสียงดัง พลังแกร่ง
การต่อรองทางการเมืองจึงเป็นการต่อรองว่ามี จำนวนส.ส.อยู่ในมือมากน้อยเพียงใด และอยู่ในฐานะเป็นปัจจัยชี้ต้นตาย ชี้ปลายเป็นอย่างไร
เพราะจุดเริ่มของพรรคพลังประชารัฐก็ไม่ชอบธรรมอยู่แล้ว
จำนวน 115 ที่อยู่ในมือของพรรคพลังประชารัฐ ย่อมไม่อาจเทียบกับ 136 ที่อยู่ในมือของพรรคเพื่อไทยได้อย่างเด็ดขาด
การต่อสายเพื่อชิงการจัดตั้งรัฐบาลจึงเป็นเรื่องแปลก
เรื่องแปลกอย่างนี้แหละอย่าว่าแต่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา จะเล่นตัว แม้กระทั่ง 1 เสียงของ 10 กว่าพรรคก็สามารถส่ง เสียงดังๆ ได้
แม้ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” แต่เชื่อว่าใบหน้าของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ยังดำไม่แตกต่างไปจากใบหน้า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ด่านแรกที่จะทดสอบคือ ด่าน “ประธานสภา”
หากไม่สามารถเชิดชัด นายสุชาติ ตันเจริญ เข้าชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นั่นหมายถึงการหกคะเมนตีลังกาครั้งใหญ่
อย่าหมายว่าตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” จะเป็นไปอย่างราบรื่น
