กลุ่มมุ้ง การเมือง – พลันที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกมายืนยันว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้มาหารือร่วมกับ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล และ นายเอกราช ช่างเหลา

แสงแห่งสปอตไลต์ก็ฉายจับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

ยิ่งเมื่อมีการแถลงข่าวที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แย้มยิ้มอยู่กับ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล และ นายเอกราช ช่างเหลา

ยิ่งทำให้นึกถึง นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

เพราะนี่คือปัญหาของพรรคพลังประชารัฐ เพราะว่า นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค เพราะว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นเลขาธิการพรรค

เมื่อฟังรายละเอียดจากปากของ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ประสานเข้ากับจากปากของ นายเอกราช ช่างเหลา ก็ประจักษ์ในปัญหาที่ดำรงอยู่ภายในพรรคพลังประชารัฐ

พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล เคยเสนอปัญหาตั้งแต่หลัง เลือกตั้ง

นายเอกราช ช่างเหลา และ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ยอมรับตรงกันว่า ไม่เคยได้รับความสนใจจากแกนนำซึ่งเป็นกรรมการบริหารของพรรค

แม้จะออกตัวว่าท่านเหล่านั้นไม่เข้าใจ “นักการเมือง”

แต่บทสรุปของทั้ง พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล และ นายเอกราช ช่างเหลา คือ สภาพการณ์ของปัญหาที่ดำรงอยู่จริงภายในพรรคพลังประชารัฐ

ไม่ว่า นายอุตตม สาวนายน ไม่ว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ได้อำนาจมากับการรัฐประหาร ได้อำนาจมาเพราะการหนุนเสริมจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์

จึงมีความเข้าใจต่อธรรมชาติของ “นักการเมือง” น้อยมาก

ขณะเดียวกัน สภาพความเป็นจริงที่มาเป็นหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ก็มาเพราะคำบัญชา เป็นการมาในลักษณะอันเป็น “นอมินี” ของ คสช. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

“อำนาจ” ในการตัดสินใจจึงมิได้มีอย่างแท้จริง

พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย สําเหนียกรู้ตั้งแต่ต้นแล้ว พวกเขาจึงตระหนักในสถานะของ นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ว่ามีแค่ไหนในทางการเมือง

ปฏิกิริยาเอามาจากกลุ่มภาคใต้ ปฏิกิริยาอันมาจากกลุ่มภาคอีสานตอนบน คือเงาสะท้อนแห่งการดำรงอยู่ของกลุ่มและมุ้งทางการเมือง

นอกเหนือจากกลุ่มของ 4 กุมาร นอกเหนือจาก กลุ่มกทม.

คนอย่าง พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล คนอย่าง นายเอกราช ช่างเหลา ย่อมอ่านออกว่าหากไม่รวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นมุ้งก็ยากอย่างยิ่งที่จะสามารถ ต่อรองได้ในทางการเมือง

นี่คือโจทย์การเมืองที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จักต้องประสบ