วิถี แห่งคดีความ บรรทัดฐาน ไม่เหมือนใคร ของ อนาคตใหม่
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ชะตากรรมทางการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ และโดยเฉพาะของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กำลังจะกลายเป็น “เคส สตัดดี้” หรือ “กรณีศึกษา”
เมื่อเทียบพรรคอนาคตใหม่กับพรรคการเมืองอื่น
เมื่อเทียบ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับ นักการเมืองรายอื่นๆ ที่ถูกฟ้องร้อง แจ้งความกล่าวโทษในคดีทางการเมืองใกล้เคียงกัน
จากกรณีของการถือครอง “หุ้นสื่อ” เรื่อยไปถึงการแสดงออกทางการเมือง
เป้าหมายมิได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อเท่านั้น หากแต่ยังตั้งคำถามในบรรทัดฐานที่องค์กรอิสระใช้กับพรรคการเมืองและใช้กับนักการเมืองด้วยกัน
เอาตัวอย่างง่ายๆ ในกรณีของพรรคอนาคตใหม่กับพรรคพลังประชารัฐก็แล้วกัน เหตุใดเมื่อมีการร้องเรียนต่อกกต. บทสรุปที่ออกมาจึงแตกต่างกัน
อย่างเช่นกรณีการถือครอง “หุ้นสื่อ”
มีการร้องเรียน กล่าวหาผู้สมัครรับเลือกตั้งจำนวนมากมายหลายร้อยคน แต่เหตุใดจึงพิจารณากรณีของ นายธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ รวดเร็วกว่าคนอื่น
โดยเฉพาะที่อยู่กับพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย
ความรวดเร็วของพรรคอนาคตใหม่ และของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทะลุทะลวงจากกกต.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญราวกับติดจรวดเทอร์โบ
ยิ่งเมื่อส่องลงไปในกรณีของนักการเมืองที่เรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญด้วยกัน ไม่ว่าด้วยข้อกล่าวหาอย่างอื่น ไม่ว่าด้วยข้อกล่าวหาอันเกี่ยวกับการถือครองหุ้นสื่อ
กรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็มีความแตกต่าง
รายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถปฏิบัติภารกิจในความรับผิดชอบได้ รายของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ก็ดำรงหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีได้
ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ ส.ส.ที่ถือครองหุ้นสื่อด้วยกัน
มีเพียงรายของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เท่านั้นที่มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่คนอื่นๆ จำนวนมาก ยังคงเดินเข้า-ออกรัฐสภาได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สภาพนับแต่หลังการเลือกตั้งเป็นต้นมา สังคมจึงรับรู้ว่า พรรคอนาคตใหม่ประสบปัญหาในทางคดีความอย่างไร นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประสบปัญหาในทางคดีความอย่างไร
อาจอธิบายได้ว่าเป็นเพราะบทบาทของพรรคและเขา
กระนั้น สังคมก็ประจักษ์ในบรรทัดฐานที่จัดการต่อพรรคอนาคตใหม่ จัดการต่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แตกต่างไปจากพรรคการเมืองอื่น นักการเมืองอื่น
หรือว่านี่เป็นเพราะ “ชะตากรรม” ที่ไม่เหมือนพรรคอื่น นักการเมืองอื่น