หากไม่ได้เห็น 4 คำถาม หากไม่ได้เห็น 6 คำถามตามมา เราจะรู้หรือว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดอย่างไรในทางการเมือง

อย่าไป “ห้าม” เลย

เหมือนๆ กับการจัดรายการ “ศาสตร์แห่งพระราชา สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ทุกค่ำวันศุกร์ และมีการถ่ายทอดทั้งโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง

อย่าไป “ห้าม” ไม่ให้จัดเป็นอันขาด

เหมือนๆ กับการเดินทางไป “บรรยาย” หรือ “ปาฐกถา” หรือการตอบคำถามของผู้สื่อข่าวอันเห็นอยู่เป็นประจำ

อย่าไป “ห้าม” อย่าไปสกัด หรือขัดขวาง

เพราะไม่ว่าการบรรยาย ไม่ว่าการปาฐกถา ไม่ว่าการตอบคำถามของผู้สื่อข่าว นั่นก็คือ “ช่องระบาย” อย่างทรงความหมายยิ่งในทางการเมือง

เหมือนๆ กับการจัด “รายการ” ทุกวันค่ำวันศุกร์

เหมือนๆ กับการสร้างช่องทางใหม่ด้วยการเสนอ 4 คำถามและตามมาอีก 6 คำถามเพื่อให้ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการ

เพราะนี่คือการแสดงออกของหัวหน้าคสช.และหัวหน้ารัฐบาล

การพูดและการแสดงออกผ่านในแต่ละ “ช่องทาง” นี่แหละที่ทำให้ประชาชนได้สัมผัสตัวตนและความเป็นจริงของหัวหน้าคสช.และหัวหน้ารัฐบาลว่าคิดและรู้สึกอย่างไร

ตัวตนที่เป็นจริงของ “ท่าน” นั่นแหละน่าเรียนรู้

หากไม่มีการเพรสคอนเฟอเรนซ์หลังการประชุมครม. ประชาชนจะรู้ได้อย่างไรว่าหัวหน้าคสช.และหัวหน้ารัฐบาลคิดและมีเป้าหมายอย่างไร

แม้จะแฝงด้วย “อารมณ์” ตามมาบ้าง

แต่ก็ยอมรับเถิดว่านั่นเป็นกลยุทธ์ นั่นเป็นสีสันในแบบลูกล่อลูกชน เมื่อตัดเอาสีสันออกไป ลอกกากเอาแก่นออกมา

ความเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ปรากฏ

ประชาชนจึงรู้ว่าผู้นำของตนเป็นคนอย่างไร ประชาชนจึงรู้ว่าผู้นำของตนมีเป้าหมายและมีวาระอย่างไรในทางการเมือง

ต้องการ “อำลา” หรือว่าอยาก “เดินหน้า”

เมื่ออ่านผ่าน 4 คำถาม ประสานเข้ากับอีก 6 คำถามที่อึกทึกครึกโครมอยู่ในขณะนี้ประชาชนก็พอจะได้คำตอบเด่นชัดมากยิ่งขึ้น

เด่นชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่หยุด

เด่นชัดว่า ในอีกไม่นานเกินรอพรรคการเมืองอันเป็นเครือข่ายของคสช.หรือที่เรียกว่าพรรคทหารคงจะต้องปรากฏและสำแดงตัวตนออกมาเพื่อเป็นหลักประกัน

หลักประกันแห่งการ “สืบทอดอำนาจ” ในทางการเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน