ฉุนสื่อจี้หลานโยงสีเทาป้ายหาเสียงพรึบแล้ววันชัยฟันธงหลังเมย.ฝั่งอำนาจเก่าถูกบดขยี้

การเมืองคึกคักตั้งแต่ต้นปี หลายพรรคติดตั้งป้ายหาเสียงพรึบริมถนน โหมโรงรับเลือกตั้งใหญ่ ‘บิ๊กตู่’ลั่นขอไปต่อ อ้างที่ผ่านมา 8 ปีปัญหายังแก้ไม่จบ ฉุนสื่อจี้ถามหลานเอี่ยวธุรกิจ จีนสีเทา เพจลุงตู่ตูนป้องทันที แจงนายกฯ ไม่ได้หงุดหงิดใส่สื่อ ‘สายัณห์’เผยส.ส.ใต้พปชร.-ปชป.กว่า 30 คน เตรียมโดดซบพรรครวมไทยสร้างชาติปลายก.พ.นี้ ส.ว.วันชัย สวมบทโหรทำนาย หลังเม.ย.จะมีการเปลี่ยนขั้ว การเมือง อำนาจเก่าถูกบดขยี้ ‘ก๊วนบี-พุทธิพงษ์’ เตรียมร่วมทัพภูมิใจไทย ‘อนุทิน’ปลื้มเสริมแกร่ง พรรคสู่ระดับชาติ สอท.มั่นใจปักธงอีสาน ศาลฎีกาตัดสิน ‘อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์’ พ้นส.ส. เพื่อไทย คดีเรียกเงินอธิบดีกรมทรัพยากร น้ำบาดาลแลกผ่านงบ

‘บิ๊กตู่’ลุยสิงห์บุรี-พปชร.แห่รับ
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 6 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม.2 รอ. เขตพญาไท กทม. เพื่อตรวจราชการที่ จ.สิงห์บุรี โดยมี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ร่วมคณะด้วย และมีส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาต้อนรับ ประกอบด้วย นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ นายสุรชาติ ศรีบุศกร ส.ส.พิจิตร นายมนัส ออนอาย ส.ส.พิษณุโลก รวมทั้งนายหิมาลัย ผิวพรรณ

ดำนา – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขับรถดำนาข้าวระหว่างไปตรวจราชการ และเป็นประธานเปิดกิจกรรม ‘ข้าวรักษ์โลก’ ที่บริเวณพื้นที่นานำร่อง อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อวันที่ 6 ม.ค.

เมื่อมาถึงพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรี ที่ร่วมคณะ ต่างสวมเสื้อม่อฮ่อมแขนยาว ปักข้อความ “ฅนศูนย์ข้าว” เข้าสักการะ พระนาคปรก ที่วัดโพธิ์ศรี อ.อินทร์บุรี พร้อมปิดทองหลังองค์พระนาคปรก สำหรับวัดโพธิ์ศรีเป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นปี พ.ศ.2376 ส่วนพระนาคปรกมีอายุกว่า 700 ปี และ พระปางนาคปรกยังเป็นพระประจำวันเกิดของพล.อ.ประยุทธ์ ด้วย

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ต.น้ำตาล อ.อินทร์บุรี ก่อนเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “ข้าวรักษ์โลก” บริเวณพื้นที่นานำร่อง หมู่ที่ 1 ต.น้ำตาล โดยมี นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าฯ สิงห์บุรี ต้อนรับ รวมถึง นางภรณี ธนาคมานุสรณ์ มารดานายชัยวุฒิ ที่คอยต้อนรับพร้อมผูกผ้าขาวม้าให้นายกฯ และคณะและยังเตรียมอาหารกลางวันให้รับประทานร่วมกับชาวสิงห์บุรี

พล.อ.ประยุทธ์ขับรถดำนาปลูกข้าว Yammer รุ่น 80 D ปลูกได้ครั้งละ 8 แถว พร้อมโบกมือทักทาย ทำสัญลักษณ์มือไอเลิฟยู ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนปล่อยปลายี่สก ปลานิล ปลาตะเพียน รวมประมาณ 5,000 ตัวร่วมกับเกษตรกร รวมทั้งแหนแดง กับผำน้ำเพื่อเป็นอาหารของปลากินพืช พล.อ.ประยุทธ์ ระบุระหว่างทำกิจกรรมว่า “ขอให้โตเร็วๆ แข็งแรง ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมกันนะ” ภายในงาน ตัวแทนเกษตรกรสวมเสื้อม่อฮ่อมปักข้อความ “ฅนศูนย์ข้าว” มาต้อนรับด้วยเช่นกัน

ลั่นขอทำงานต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดกิจกรรม “ข้าวรักษ์โลก” ว่า ยินดีวันนี้ได้มาพบปะทุกคน ทุกครั้งที่มาดีใจชื่นใจที่ได้เห็นทุกคนที่อยู่ตรงนี้ นี่คือพ่อแม่พี่น้องเชื้อสายคนไทยด้วยกัน ล้วนมีความรักความสามัคคีจนถึงวันนี้ และไปสู่ลูกหลานของเราในอนาคตด้วยความรักความสามัคคี ความเคารพในกติกาซึ่งกันและกันและเรามีแกนหลักคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำให้ยืนหยัดจนถึงทุกวันนี้ วันนี้ดีใจมาจ.สิงห์บุรี คงไม่ต้องพูดว่ามีอะไรบ้าง มีทั้งการเกษตรปลาช่อน และข้าวสายพันธุ์ต่างๆ

รัฐบาลสมัยที่ตนบริหารสามารถทำได้ มากขึ้น อย่างไรก็ตาม จะทำต่อไป จะทำทีเดียว คงไม่ได้ มุ่งเน้นในจุดที่เดือดร้อนมากที่สุด มากบ้างน้อยบ้าง จัดลำดับเพื่อจัดสรร งบประมาณรายปี ลงไป จะเห็นได้ว่ารัฐบาลพยายามทำทุกอย่างถ้ามองด้วยความเป็นธรรมจะเห็นว่าหลายอย่าง เปลี่ยนไปเยอะ การพัฒนา บางทีเรากินเราอยู่เราใช้จนชินตาโดยไม่ย้อนกลับไปว่าก่อนหน้านี้ 5 ปี 10 ปีเป็นอย่างไร ถึงวันนี้ลองมองกลับไป ดูว่าอะไรดีขึ้นบ้าง อะไรยังไม่ดีตนพร้อมที่จะรับฟังจากบรรดาส.ส. และรัฐมนตรีของพวกท่าน

นายกฯ ดูเรื่องงบประมาณทุกวัน ขอยืนยันว่า เป็นนายกฯ มา 8 ปีไม่สนใจว่าพื้นที่ไหนจะเป็นของใคร ทุกจังหวัดคือคนไทย ตนต้องดูแลคนไทยทั้งประเทศ มากน้อยบ้างก็เป็นไปตามแผนงาน โดยมีการตรวจสอบคัดกรอง ซึ่งจ.สิงห์บุรี หลายหมื่นล้านที่นำลงมา มากกว่าที่ผ่านมาเยอะ เพราะตนไม่เลือกปฏิบัติ ขึ้นอยู่กับความต้องการของท่านเร่งด่วนแค่ไหน ทำแล้วเกิดประโยชน์แค่ไหน กับคนเท่าไหร่ หากจำเป็นก็ต้องทำ อันไหนที่ด้อยมากก็ต้องเติม ขออย่างเดียวอย่าทุจริต

8 ปีปัญหานับร้อยยังแก้ไม่จบ
“คนทุกกลุ่มทุกฝ่ายทุกอายุ คือพลังของแผ่นดิน จะทำอย่างไรให้คนทุกรุ่นมีความรักความสามัคคีเข้าใจซึ่งกันและกัน และเดินหน้าไปสู่อนาคตพร้อมกัน ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนได้ภายในวันเดียวหรือปีเดียว ตนอยู่มา 8 ปี ยังเปลี่ยนได้ไม่หมดทั้งที่ตนอยากจะเปลี่ยนเป็นร้อยเรื่อง ไม่ใช่ไม่อยากทำ ไม่ใช่ไม่กล้าทำ แต่เราคือประชาธิปไตย จะทำอะไรต่างๆ ก็ต้อง ฟังความเห็นจากประชาชน ต้องขอบคุณในการ ต้อนรับ รอยยิ้มทุกคน วันนี้มาดีใจ เพราะเป็น การมาเยี่ยมต่างจังหวัดครั้งแรกหลังปีใหม่ ขอให้กำลังใจทุกคน รู้ว่าลำบาก นายกฯ ไม่เคย หยุดคิด เหนื่อยก็ต้องทน แผ่นดินนี้เป็นของเรา ช่วยกันรักษาแผ่นดินนี้ให้งดงามต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ เดินพบปะเกษตรกร สอบถามความเป็นอยู่ พร้อมกล่าวว่า “ให้กำลังใจทุกคน รู้ทุกคนลำบาก ไม่รักประชาชนแล้วจะไปรักใคร รับรู้ถึงหัวอก พวกเราและความยากลำบาก” ขณะที่ชาวบ้าน เกษตรกร ให้กำลังใจนายกฯ สู้ๆ ขอถ่ายรูป และขอสวมกอด พร้อมชมว่านายกฯ หล่อ

ภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรม พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับรัฐมนตรีและตัวแทนชาวนา ที่บริเวณพื้นที่จัดงาน โดยนั่งเก้าอี้กองฟางและโต๊ะรับประทานอาหาร เป็นแคร่ไม้ไผ่ สำหรับเมนูอาหาร ได้แก่ แกงเผ็ดไก่ใส่หน่อไม้ ไข่พะโล้ ปลาช่อน แดดเดียวทอด กุนเชียงทอด ส้มตำ ไก่่ยาง ของหวานขนมบ้าบิ่น ครองแครง ไอติมกะทิ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางกลับ มีชาวบ้านชี้เป้าว่ารถดำนาปลูกข้าว Yammer รุ่น 80 D ที่พล.อ.ประยุทธ์ขับ บันไดคดงอเนื่องจากช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ จอดรถไปเบียดกับทางขึ้น เพราะกะระยะไม่ถูกทำให้บันไดรถเกี่ยวกับทางขึ้นจนบิดงอ

ฉุนสื่อจี้ถามหลานเอี่ยวธุรกิจตู้ห่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบคำถามผู้สื่อข่าว ถึงการมาลงพื้นที่จ.สิงห์บุรี โดยย้อนถามว่า “ฟังก่อนๆ พวกเราดู เวลาที่นายกฯ แต่ละคนไปที่ไหน นายกฯ ก็ดูแบบนายกฯ สื่อมวลชนไปที่ไหน สื่อดูตรงไหนบ้าง สื่อดูหรือไม่ว่าเขาทำอะไรตรงไหนวันนี้ เขาทำอย่างไรรู้หรือไม่ ควรต้องทำตรงนี้ด้วยถึงจะมาถามนายกฯ นะ นายกฯ ไม่ใช่คนขี้โมโห เข้าใจหรือเปล่า”

ผู้สื่อข่าวอธิบายว่า ได้ดูแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่าดูแล้วไหนตอบมา ตอบมาสิว่าข้าวรักษ์โลกเป็นอย่างไร ซึ่งสื่อมวลชนอธิบายถึงรายละเอียดต่างๆ แต่พล.อ.ประยุทธ์ พยายามกลบเกลื่อน เพื่อจะไม่ตอบคำถามในเรื่องอื่น พร้อมกล่าวเสียงดังว่า “ฉันไม่ตอบอะไรหรอก พวกเธอไม่ต้องตอบ ฉันไม่ฟังแล้ว ฉันจะไปตอบพวกเธอทำไม ในเมื่อตอบแล้วพวกเธอ ก็ไม่รู้เรื่อง”

ผู้สื่อข่าวถามกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตส.ส.พาดพิงว่า ผู้เป็นเจ้าของหจก.คอนเทม โพรารี คอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นของหลาน พล.อ.ประยุทธ์เกี่ยวโยงธุรกิจรถเช่าของตู้ห่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ฉันไม่ได้เป็นศัตรูกับพวกเธอ ฉันพยายามจะไม่หงุดหงิดอยู่แล้ว เข้าใจไหม”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามซ้ำคำถามข้างต้น พล.อ.ประยุทธ์ หันหน้าหนีทันที ปฏิเสธ ตอบคำถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ และรีบเดินหนี ออกไปขึ้นรถทันที เมื่อขึ้นรถพล.อ.ประยุทธ์ ได้ลดกระจกลง พร้อมกล่าวว่า “สื่ออย่าให้มีปัญหา ฉันไม่เคยมีปัญหากับสื่ออยู่แล้ว สื่อดีๆ ก็เยอะแยะ”

เพจลุงตู่ตูนออกโรงป้องทันที
ช่วงบ่าย เพจเฟซบุ๊กลุงตู่ตูน ซึ่งเป็นเพจสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้โพสต์ภาพและข้อความถึงกรณีที่สื่อหลายสำนักรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์มีอาการหงุดหงิด เพื่อที่จะเลี่ยงการตอบคำถามของสื่อมวลชน ในระหว่างการร่วมกิจกรรมข้าวรักษ์โลก ที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

แฟนเพจเฟซบุ๊กลุงตู่ตูน ระบุตอนหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ รู้สึกว่าสื่อมวลชนไม่ได้ให้ความสนใจกิจกรรมข้าวรักษ์โลก จึงย้อนถามกลับต่อสื่อมวลชนถึงกิจกรรมข้าวรักษ์โลก แต่กลับกลายเป็นว่าสื่อเข้าใจว่า นายกฯโมโหใส่ สื่อมวลชน และมองว่าเป็นการเสียงดังกลบเกลื่อน เพื่อที่จะเลี่ยงตอบคำถามสื่อมวลชน

“ยืนยันว่า นายกฯ ลุงตู่ ไม่ได้หงุดหงิด หรือเสียงดังกลบเกลื่อนเพื่อเลี่ยงตอบคำถามสื่อ เพียงแต่ย้อนถามให้สื่อสนใจกิจกรรมข้าวรักษ์โลกที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลตั้งใจผลักดันเพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกร”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เพจเฟซบุ๊ก ลุงตู่ตูน ได้โพสต์ภาพขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ขับรถดำนาปลูกข้าว ร่วมกับชาวนาในกิจกรรม ข้าวรักษ์โลกด้วย

‘เฮ้ง’ให้กำลังใจนายกฯสมัครรทสช.
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)จะเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ในวันที่ 9 ม.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะมีกิจกรรมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครหรือตำแหน่งในพรรค เพิ่มเติมหรือไม่ว่า คงไม่มีอะไร เป็นการไปให้กำลังใจนายกฯ มากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้นายสุชาติ มีตำแหน่ง ในพรรครวมไทยสร้างชาติแล้วหรือยัง นายสุชาติ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้เข้าไปเป็นสมาชิกพรรคเลย เมื่อถามว่าไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคในวันดังกล่าวใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า “ยัง ยัง ยัง”

พปชร.-ปชป. 30 คนจ่อย้ายตาม
นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 ม.ค. ที่จะมีการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ ในการสมัครสมาชิกเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนและทีมภาคใต้จะเดินทางไปให้กำลังใจนายกฯ ด้วย เพราะส่วนตัวได้ประกาศแล้วว่าจะไปกับนายกฯ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม

ส่วนพวกตนจะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสภา จากนั้นพวกตนจะไปลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดยในส่วนของภาคใต้ไม่ต่ำกว่า 30 คน จะเป็นผู้สมัครจากพรรคอื่นด้วย ทั้งจาก พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เช่น น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส. สมุทรสงคราม และ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช จะลาออกจากพรรคสังกัดเดิม เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทย สร้างชาติเช่นเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ยังเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอยู่ จะไปร่วมการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคที่กำลังจะมีขึ้นหรือไม่ นายสายัณห์กล่าวว่า ไม่ไปแล้ว ใจตนมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว และตนไม่รู้ว่าเขาจะประชุมเมื่อไหร่ รู้แต่กิจกรรมของพรรครวมไทยสร้างชาติ

พทท.ถามรทสช.เปิดบ้านรับมั้ย
ที่รัฐสภา นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการขับเคลื่อนพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง ว่า ช่วงกลางม.ค.นี้ จะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพื่อหารือถึงทิศทางของพรรค เบื้องต้นมี 2 แนวทาง คือ สู้เลือกตั้ง ในนามพรรคต่อ หรือไปรวมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ก่อนหน้านี้ นายชัชวาลล์ คงอุดม อดีตประธานที่ปรึกษาพรรคพลัง ท้องถิ่นไท ย้ายไปร่วมงานตามคำเชิญของ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว

“ผมเสียดายท่านชัชวาลล์ที่ออกจากพรรค แต่ท่านไปพรรครวมไทยสร้างชาติเพราะความเกรงใจ หลังนายกฯ เป็นผู้เชิญ ท่านชัชวาลล์ เป็นคนมีน้ำใจจึงตอบรับ ส่วนแนวทางการเมือง ของพรรคพลังท้องถิ่นไท ผมได้คุยกับท่านชัชวาลล์ทุกคืน แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนจากพรรครวมไทยสร้างชาติว่าจะเปิดบ้านต้อนรับหรือไม่ และช่วงที่ท่านชัชวาลล์ตัดสินใจ ไปอยู่กับรวมไทยสร้างชาติ ไม่มีเงื่อนไขที่จะพาคนของพลังท้องถิ่นไทไปเข้าสังกัดด้วย” นายโกวิทย์กล่าว

การประชุม กก.บห.จะเป็นแค่การหารือถึงแนวทาง แต่การตัดสินใจต้องฟังเสียงจากสมาชิกพรรคที่มีกว่า 2.8 หมื่นคน จากการประเมินเสียงยังก้ำกึ่ง ดังนั้นต้องหาข้อยุติ เบื้องต้นคาดว่าภายในสิ้นเดือนม.ค.นี้จะมีความชัดเจน “ผมขอส่งเสียงดังๆ ไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติว่าจะอย่างไร จะเปิดบ้านรับหรือไม่ ถ้าไม่เปิดผมจะไปอย่างไร ผมต้องสู้ตามแนวทางของพรรคต่อไป แต่หากพูดถึงการรวมกันต้องเจรจาว่าจะทำอย่างไร เพราะพรรค พลังท้องถิ่นไท มีส.ส.ถึง 5 คน ส่วนรวมไทยสร้างชาติไม่มีส.ส.ในสภา”

‘สมชัย’จี้กกต.จับตาฝืนกฎเหล็ก
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย (สร.) โพสต์เฟซบุ๊กกรณีพล.อ.ประยุทธ์จะเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกฯ ในวันที่ 9 ม.ค.ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า จะราชาฤกษ์ หรือวันดี แต่ต้อง ไม่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ฝากเลขาธิการ คณะกรรมการการลือกตั้ง (กกต.) และ ผอ.กต.กทม.ตอบด้วยว่าสิ่งนี้ อาจเข้าข่าย ผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่

1.กรณีพล.อ.ประยุทธ์ ออกจากทำเนียบรัฐบาล ก่อนเวลา 16.30 น. ซึ่งยังเป็นเวลาราชการ ถือเป็นการใช้เวลาราชการในการหาเสียงหรือไม่ 2.กรณีเดินทางไปศูนย์ฯ สิริกิติ์ หากมีการใช้รถหลวง มีรถตำรวจนำเพื่ออำนวย ความสะดวกในเส้นทางให้รวดเร็วขึ้น เป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อหาเสียงหรือไม่ 3.กรณีกะเกณฑ์คนนับพัน มีการจ่ายค่ารถ จัดหารถอำนวยความสะดวก จัดเลี้ยงอาหารเครื่องดื่มแก่ผู้มาร่วมพิธีและฟังปราศรัย ถือเป็นการ ผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ 4.หากไม่ต้องการสุ่มเสี่ยงในการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ควรก้าวเท้าออกจากทำเนียบรัฐบาลหลังเวลาราชการ ขับรถส่วนตัว ไม่มีรถตำรวจนำ เผชิญกับปัญหาจราจรเช่นคนกรุง และให้คนมา ร่วมงานด้วยใจ ไม่มีการจัดเลี้ยงแม้น้ำดื่มสัก 1 ขวด

ส.ว.วันชัยชี้‘ป้อม’บารมีเหนือ‘ตู่’
ด้านนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติในวันที่ 9 ม.ค. ว่า สร้างความคึกคักให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ และสร้างกระแส แต่ไม่ได้หมายความว่าจะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง หรือได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนตัวมองว่าเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศตัวชัดเจนในทางการเมืองจะเกิดแรงกระแทกจากคู่แข่ง หรือศัตรูทางการเมืองได้ เพราะนักการเมืองจะไม่มีใครเกรงใจใคร และโดนกระแทกมากขึ้น เมื่อเทียบกับตอนที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เข้าสังกัดพรรคการเมือง เพราะต้องยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์มีจุดอ่อน ทั้งการดำรงตำแหน่งนายกฯ มาแล้ว 8 ปี และวาระนายกฯ ที่เหลืออยู่ไม่ถึง 2 ปี ที่นำไปขยายแผลได้มากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันยังออกท่าทีเกรงใจ นายวันชัยกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติเพราะพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันยังต้องการเป็นพันธมิตรกับพล.อ.ประยุทธ์ เพราะสถานะของนายกฯ มีเสียงสนับสนุนในรัฐสภา 100 กว่าเสียง ทั้งในกลุ่มของส.ว. และ ส.ส. เมื่อประเมินอาจร่วมรัฐบาลกันต่อก็ได้ แต่ต้องพิจารณาเงื่อนไขของการฟอร์มรัฐบาลด้วยว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน รวมได้ 250 เสียงขึ้นไป อาจจับมือกันต่อ แต่หากไม่ได้ สมการฟอร์มรัฐบาลอาจจะเปลี่ยนไป ส่วนตัวมองว่าหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังเป็นผู้ประสานสิบทิศ ไปได้รอบทิศ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำไม่ได้

เมื่อถามว่า หากจับยามสามตาดูสถานการณ์ การเมือง หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายวันชัยกล่าวว่า ในวันที่ 8 มี.ค. จะมีการเปลี่ยนแปลง ไปจนถึงเดือนเม.ย. เพราะเป็นช่วงที่ดาวมฤตยู และราหูแสดงฤทธิ์ทำให้อำนาจเก่าถูกบดขยี้อำนาจเก่าถูกล้าง และหลังเม.ย.เป็นต้นไป จะมีการเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจการเมือง

‘หนุ่มบี’เตรียมร่วมทัพภูมิใจไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวล่าสุด ในการเข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่า นายพุทธิพงษ์ จะเข้ามาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยแน่นอน โดยล่าสุดนักการเมืองในเครือข่ายนายพุทธิพงษ์ ได้ต่อสายพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้า พรรคภูมิใจไทย ถึงจุดยืนทางการเมือง

โดยนายอนุทินมีความรู้สึกยินดีที่พรรคภูมิใจไทยจะได้นายพุทธิพงษ์และทีมงานเข้ามาร่วมทำงานด้วย เป็นการสะท้อนว่าพรรค ให้ความสำคัญกับเมืองหลวง และชัดเจนว่าพรรคภูมิใจไทยกำลังขยับเป็นพรรคระดับชาติ ไม่ใช่พรรคเฉพาะท้องถิ่นเหมือนที่บางคนเชื่อเช่นนั้น

สอท.มั่นใจปักธงภาคอีสาน
ที่โรงแรมรอยัลนาคาราและคอนเวนชั่น จ.หนองคาย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรค และผอ.พรรค นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค และประธานนโยบายพรรค ร่วมสัมมนาผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสาน งานจัดระหว่าง 6-7 ม.ค. มีผู้เข้าร่วมกว่า 30 คน โดยมีการปราศรัย เรื่องทิศทางการเมืองกับการเลือกตั้ง ปี 2566

นายอุตตมกล่าวเปิดงานว่า การเมืองวันนี้เข้าโค้งสุดท้ายแล้วและมีเวลาจัดทัพไม่มาก การเป็นพันธมิตรเชิงลึกกับพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ได้ผ่านการพิจารณาร่วมกันจากหลายฝ่าย เนื่องจากเสียงสะท้อนจากข้างนอกว่าสถานการณ์ปัจจุบันสิ่งที่เป็นจุดแข็งของทั้ง 2 พรรค จะเป็นประโยชน์หากได้ทำงานร่วมกัน “วันนี้พรรคสร้างอนาคตไทย ยังทำงานภายใต้ พรรคสร้างอนาคตไทย ไม่ต้องไปหวั่นไหว ที่ผ่านมาอาจมีมรสุมบ้าง แต่วันนี้เรานิ่งแล้ว พร้อมเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว”

การสัมมนาครั้งนี้จะลงลึกรายละเอียดและแลกเปลี่ยนข้อมูล ถกแผนและถกเป้าหมาย อีกทั้งพรรคให้ความสำคัญกับพื้นที่อีสาน ยอมรับว่ามีพรรคใหญ่ที่ครองพื้นที่ แต่มั่นใจพรรคเรามีแผนงานที่ชัดเจน มีบุคลากรที่มีศักยภาพ แต่ต้องผสมผสานด้วยยุทธศาสตร์ ที่เหมาะสม มั่นใจว่าเรามีโอกาสได้ส.ส.ในพื้นที่

ด้านนายสนธิรัตน์กล่าวว่า พรรคเดินมาถึงจุดที่เรามั่นใจ คิดว่าจะปักธงในหลายพื้นที่ เชื่อว่าพี่น้องชาวอีสานส่วนใหญ่ต้องการความเปลี่ยนแปลง เราคือมือทำงาน เป็นพรรคที่ตั้งใจ มาทำงาน เสนอบุคลากรและกรอบความคิดแก้ปัญหา รวมถึงยุทธศาสตร์ของพรรคที่มี จึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะปักธงอีสานได้ “พรรคสร้างอนาคตไทยเลือกมาหนองคายเพราะเสียดาย สมัยที่พวกเราริเริ่มโครงการไฮสปีดเทรนหรือรถไฟฟ้าความเร็วสูงกับทางเวียงจันทน์ 2-3 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เราริเริ่มหายไป ไม่อย่างนั้น วันนี้หนองคายจะไม่เป็นอย่างนี้ พวกเรา จะทำให้หนองคายกลับมาเป็นฮับใหญ่ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ”

ส.ส.สงขลาแนะรื้อเขตเลือกตั้ง
นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทยเผยว่า ตนและ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาราเร่ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งหนังสือถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.สงขลา ภายหลังรัฐธรรมนูญปี 2560 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ทำให้จำนวน ส.ส.สงขลา เพิ่มเป็น 9 เขต ส่งผลให้ต้องแบ่งเขตเลือกตั้งกันใหม่ โดยอ้างอิง จากจำนวนประชากร วันที่ 31 ธ.ค.ก่อนปีการเลือกตั้ง

บริบทของ จ.สงขลา 4 อำเภอ ได้แก่ อ.จะนะ เทพา นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย มีพื้นที่ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม เป็น 2 พหุวัฒนธรรม จึงเสนอให้แบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ดังนี้ เขตเลือกตั้ง ที่ 7 อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย และอ.เทพา (เฉพาะ ต.ลำไพล ต.วังใหญ่) และเขตเลือกตั้งที่ 8 อ.จะนะ และอ.เทพา (ยกเว้นต.ลำไพล และต.วังใหญ่)

โพลปาตานีชู‘วันนอร์’นายกฯ-‘ตู่’บ๊วย
วันเดียวกัน Projek Sama Sama และองค์กรร่วม ได้แก่ We Watch, THE LOOKER, WARTANI และ THE MOTIVE ร่วมทำแบบสอบถามความคิดเห็นในรูปแบบออนไลน์ ต่อคนในพื้นที่ปาตานี/ชายแดนใต้ จำนวน 500 คน หัวข้อ “คนปาตานี/ชายแดนใต้ อยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี” ในการเลือกตั้ง ปี 2566 สำรวจระหว่างวันที่ 28 ธ.ค.2565- 3 ม.ค.2566

พบว่า คนปาตานี/ชายแดนใต้( ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบางส่วนของจ.สงขลา (อ.เทพา จะนะ สะบ้าย้อย นาทวี และสะเดา ซึ่งเป็นอำเภอที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม) อยากให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา พรรคประชาชาติ (ปช.) ป็นนายกฯ อันดับ 1 ร้อยละ 46.1, อันดับ 2 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ร้อยละ 21, อันดับ 3 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ร้อยละ 14, อันดับ 4 ยังไม่มีใครเหมาะสม ร้อยละ 8.5, อันดับ 5 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พรรคเสรีรวมไทย (สร.) ร้อยละ 4.8

อันดับ 6 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 1.9, อันดับ 7 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ร้อยละ 1, อันดับ 8 นายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 0.7, อันดับ 9 นายกรณ์ จาติกวณิช พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ร้อยละ 0.7, อันดับ 10 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 0.7, อันดับ 11 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 0.5

สำหรับพรรคการเมืองที่คนปาตานี/ชายแดนใต้ มีแนวโน้มจะเลือก พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 62.3 ระบุว่าจะเลือกพรรคประชาชาติ, อันดับ 2 พรรคก้าวไกล ร้อยละ 15.9, อันดับ 3 พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 10.9, อันดับ 4 ไม่สนับสนุนพรรคใด ร้อยละ 6.5, อันดับ 5 พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 1.9, อันดับ 6 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 1.2, อันดับ 7 พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 0.7, อันดับ 8 พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 0.2, อันดับ 9 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 0.2

ป้ายหาเสียงพรึบแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้บรรยากาศทางการเมืองเริ่มคึกคักตั้งแต่ต้นปี โดยสภา ผู้แทนราษฎรจะครบวาระ 4 ปี ในวันที่ 23 มี.ค.2566 ทำให้ต้องมีการจัดเลือกตั้งใหญ่ ขณะที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าพล.อ.ประยุทธ์ อาจจะประกาศยุบสภาก่อนครบวาระ

นอกจากพล.อ.ประยุทธ์ จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ เริ่มตั้งป้ายหาเสียง พร้อมรับการเลือกตั้งใหม่ ตามริมถนน จรัญสนิทวงศ์ และอีกหลายเส้นทางในเขต กทม.

‘ธนกร’ยันรบ.พร้อมแจงซักฟอก
นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า เป็นสิทธิของฝ่ายค้านที่สามารถ ดำเนินการได้ตามรัฐธรรมนูญ และเห็นด้วย ที่ฝ่ายค้านหันมาใช้กลไกของรัฐสภาตรวจสอบ การทำงานของรัฐบาล เพราะดีกว่าการใช้สื่อโซเชี่ยล หรือไปให้ข่าวกับสื่อมวลชนรายวันโดยไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน มีแต่ จะทำให้ประชาชนสับสน และหากคิดว่า มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ก็สามารถยื่นต่อหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายได้อีกด้วย

ยืนยันว่ารัฐบาลมีความพร้อม จะถือโอกาส ใช้เวทีนี้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน ไม่ให้สับสนกับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน หรือบอกความจริงเพียงแค่ครึ่งเดียว ดังนั้น อยากขอร้องให้ฝ่ายค้านใช้เวทีนี้ให้เกิดประโยชน์ สูงสุด และเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ทำไปเพียงเพื่อหวังผลทางการเมืองเท่านั้น การอภิปรายครั้งนี้อยากให้ฝ่ายค้านอภิปรายด้วยข้อมูลและข้อเท็จจริง ไม่ใช่ ใช้วาทกรรมทางการเมืองเหมือนที่ผ่านมา เพราะมีแต่จะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์

ศาลชี้‘อนุรักษ์’พ้นส.ส.เพื่อไทย
เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ห้องพิจารณา 1 ศาลฎีกา นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ คมจ.4/2565 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร้องต่อศาลว่านายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย (พท.) ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีการเรียกรับเงิน 5 ล้านบาท จากนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณปีงบประมาณ 2564 ซึ่งนายอนุรักษ์เดินทางมาศาลพร้อมครอบครัวที่มาให้กำลังใจ

คดีนี้ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดและยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า นายอนุรักษ์ ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีการับคำร้อง จนกว่าจะมีคำพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่ง นับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 235 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 87 และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่ง ในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ 2561 ข้อ 7, 8, 9 และ 27 หลังจากศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา และสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา

ศาลฎีกามีคำพิพากษา ว่านายอนุรักษ์ ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย นับตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2564 ซึ่งเป็นวันที่ ศาลฎีกามีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ให้เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาและแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน