ราชบุรี ประสบภัยแล้งซ้ำซาก ปีนี้หนักสุด เกษตรกรสิ้นหวังฝันสลาย ผลไม้ ดอก-ผล ร่วงหล่น เงาะ ทุเรียน มังคุด โกโก้ ยืนต้นตายยกสวน ชาวบ้านดิ้นรนจ้างรถขุดหาแหล่งน้ำ วอนฝนหลวงช่วยเหลือ

27 เม.ย. 67 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เป็นอีกอำเภอหนึ่งที่ กำลังประสบปัญหาไฟป่า และภัยแล้งซ้ำซากทุกปี จากการสำรวจพื้นที่หลายหมู่บ้านได้รับผลกระทบอย่างหนักในรอบหลายปีที่ผ่านมา

เนื่องจากสภาพปัญหาปีนี้ฝนทิ้งช่วง แม้ทางอาสาสมัครฝนหลวงอำเภอปากท่อ ได้ประสานหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ เพื่อขอรับการสนับสนุนทำฝนหลวงช่วย แต่ติดปัญหาอุปสรรคเรื่องสภาพอากาศและภูมิประเทศ บางจุดมีภูเขาสูงชัน

เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ เคยมาสำรวจพื้นที่แล้วพบว่า เป็นพื้นที่อับฝน อีกทั้งความชื้นไม่เพียงพอต่อการทำฝนเทียม ทำให้ยากลำบากในการบินขึ้นปฏิบัติการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ได้

ทำให้ขณะนี้พื้นที่ตำบลยางหักรวม 8 หมู่บ้าน และพื้นที่ตำบลห้วยยางโทน ได้รับผลกระทบ พืชผัก ผลไม้ทางการเกษตรเหี่ยวแห้งตายคาต้น โดยเฉพาะต้นทุเรียนนับร้อยต้นมีอายุประมาณ 4-7 ปี ในสวนของเกษตรกรหมู่ที่ 5 ต.ยางหัก ซึ่งอยู่ระหว่างกำลังออกดอก ติดลูกเริ่มร่วงหล่น ต้นมังคุด เงาะ ลองกอง กระท้อน สภาพใบแห้งเหี่ยวร่วงตายเกือบยกสวน เจ้าของสวนหลายคนได้กัดฟันทนสู้ใช้เงินตัวเองไปว่าจ้างซื้อน้ำมารดต้นผลไม้ หวังให้มีชีวิตรอดเท่าที่จะสามารถทำได้ แต่สุดท้ายเงินหมดไม่มีค่าจ้างรถน้ำก็ต้องปล่อยยืนต้นตายตามสภาพที่เห็น

นายวีระ บัวทอง อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/2 หมู่ 5 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ กล่าวว่า ปีนี้เกิดปัญหาภัยแล้งที่สุด อย่างทุเรียนออกลูกมาก็ร่วงหล่น จากการเจอความร้อนมากๆ ต่อไปต้นก็จะตายลงอีก คาดว่าจะตายมากกว่า 30 ต้น และอยู่ระหว่างรอการตายอีกเป็นร้อยต้น น้ำในบ่อที่กักเก็บไว้ก็แห้งหมดแล้ว สู้ไม่ไหวจริง ๆ อยากให้ภาครัฐช่วยทำฝนหลวงช่วยเหลือ ถ้ามาช่วยขุดเจาะบ่อบาดาลส่วนกลางเอาไว้ก็น่าจะดีมาก ตอนนี้ผลไม้อื่น ๆ ที่ปลูกไว้ประมาณ 20 ไร่ เสียหายไปเกือบทั้งสวน

นายอนุสรณ์ ฤทธิ์ล้ำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 กล่าวว่า ตามปกติจะเกิดปัญหาภัยแล้งประจำปีอยู่ แต่ปีนี้แล้งมากขนาดน้ำที่เคยเก็บกับไว้ เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ปีนี้มีการหวงน้ำ จากพื้นที่รวม 8 หมู่บ้าน รถส่วนกลางจะไปดูดน้ำเพื่อนำออกแจกจ่ายช่วยเหลือชาวบ้านก็ยังไม่ได้น้ำมาช่วย เพราะมีการหวงน้ำกัน บางจุดมีการดูดน้ำเพื่อมาหล่อเลี้ยงต้นทุเรียน และผลไม้อื่น ๆ ไว้ก็ยังไม่รู้ว่าจะรอดตายหรือไม่ ภาพรวมมีความเสียหายแน่นอน

จากการสอบถาม ผู้ใหญ่ทุกหมู่บ้านเกิดปัญหาเหมือนกันทุกหมู่บ้าน ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้มาช่วย ถ้าความชื้นมากพอก็จะได้มีฝนมาช่วยเหลือ ส่วนการแก้ไขระยะยาวอยากให้เกษตรกรประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขุดเบ้าขนมครก เพื่อรองรับน้ำไว้ ที่ผ่านมาเห็นตะกอนทรายลงมาทับถมแหล่งน้ำเบ้าขนมครกที่เคยเก็บกักน้ำ ถ้ามีเบ้าเป็นขั้นบันไดลงไปทุกลำห้วยจะเป็นการช่วยเหลือพื้นที่ระยะยาวได้

ซึ่งได้รับประสานงานและตอบรับจากสำนักงานทรัพยากรน้ำ และกรมชลประทานที่จะเร่งดำเนินการขุดลอกอ่างเก็บน้ำบ้านไทยประจัน อีกส่วนเป็นสระเนื้อที่ 10 ไร่ บ้านไทยประจัน ของกรมทรัพยากรน้ำที่มีปัญหาน้ำแห้งขอด ขอให้ดำเนินการขุดลอกให้ลึกและกว้างมากขึ้น ตอนนี้เกษตรกรสิ้นหวังหมดแล้ว หลังจากเคยได้เงินจากการขายทุเรียนเมื่อปีที่แล้ว แต่ปีนี้ฝันได้สลายไม่เหลือแม้แต่ต้นก็แทบจะตายหมดยกสวน

นางประทุม จิตจันทึก อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 5 กล่าวว่า เคยมีปัญหาภัยแล้ง แต่จะมีฝนตกมาเร็ว มาปีนี้กลับไม่มีฝนตกมีแต่แดดแรงกว่าทุกปี ที่สวนคาดว่าน่าจะตายเกือบร้อยต้น ขณะที่ได้ลงทุนไปซื้อน้ำมารดต้นเงาะ ทุเรียน มังคุด โกโก้ ฝรั่ง กล้วย ยังมีผักกูดที่เก็บขายก็ตายหมด อยากให้หน่วยงานช่วยทำอย่างไรก็ได้ให้มีน้ำใช้

นายนพรัตน์ จั่นสำอางค์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 กล่าวว่า สระแห่งนี้ถือเป็นหัวใจอยู่กลางหมู่บ้าน มีสระโรงเรียน สระวัด สระกศน. ที่เป็นแก้มลิงเป็นที่เก็บน้ำของอ่างเก็บน้ำบ้านไทยประจันซึ่งจะหมดเป็นอ่างแรก สระนี้จะหมดเป็นจุดสุดท้าย ทางผู้นำชุมชนและชาวบ้านต้องการให้หน่วยงานมาขุดลอกเพื่อเก็บน้ำไว้ให้มากที่สุด เป็นแหล่งสุดท้ายที่ชาวบ้านจะได้มีน้ำใช้

นายสมบัติ ชื่นสกุล ประธานผู้ใช้น้ำประปาหมู่บ้าน กล่าวว่า ตอนนี้บ่อที่ใช้ทำน้ำประปาเปิดได้เพียงเวลาเดียวคือ เวลา 17.00 น. ส่วนประมาณ 18.00 น. น้ำหมดถังแล้ว อุปโภคได้อย่างเดียว บริโภคไม่ได้ มีชาวบ้าน กว่า 300 ครัวเรือน แต่ใช้น้ำได้กว่า 100 ครัวเรือน มีปัญหาเรื่องน้ำบาดาลที่ตื้นเขิน ยังไม่มีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบดูแลแก้ไขแต่อย่างใด

นายพงษ์ทวี หนูจั่น ชาวสวนทุเรียน มังคุด อยู่บ้านเลขที่ 153/1 หมู่ 5 กล่าวว่า ร่วมกับเพื่อนบ้านรวม 3 ครอบครัว ได้จ้างรถแบ็กโฮ ชั่วโมงละ 1,800 บาท มาขุดเบ้าขนมครก เพื่อให้น้ำใต้ดินซึมออกมาใช้อุปโภคได้ เพราะน้ำในลำห้วยแห้งขอดมา 3 เดือนแล้ว โดยรวมเงินกันจ้างรถมาขุด 3 ครัวเรือนแบ่งน้ำกันใช้ เพื่อประคองต้นไม้ได้เล็กน้อย คาดว่าหลังขุดน้ำก็จะค่อยซึมออกมาทิ้งไว้ประมาณ 24 – 48 ชม.น่าจะดูดขึ้นมาใช้ได้ระยะสั้น ประมาณ 1 – 2 ชม.แล้วก็ต้องรอต่อรอบใหม่ให้น้ำออกมาเพิ่มอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน