โจโฉ ที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม(83) – มาตรการที่โจโฉจัดการกับซุยตำ คือ รับโทษโกนหัว ใช้แรงงาน ซึ่งก็คือโกนผมทั้งหมดทิ้ง และไปทำงานหนัก สำหรับคนที่มีคุณสมบัติและรูปสมบัติล้วนดีงาม

หรือตำแหน่งและคุณธรรมล้วนสูงส่งอย่างซุยตำ

นี่ถือเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นอย่างที่สุด แต่ว่าแม้ซุยตำจะถูกเหยียดหยามขนาดนี้ในใจกลับไม่สะทกสะท้าน ท่าทีเป็นปกติ ไร้ซึ่งท่าทีสลดหดหู่หรือขอความเห็นใจ

คนที่แอบรายงานโจโฉก็ไปบอกกับโจโฉอีกว่า ซุยตำไม่มีใจสำนึกในความผิด

โจโฉจึงสั่งการไปว่า แม้ซุยตำจะได้รับโทษแต่กลับยังคงคบหาผู้คนหัวกระได ไม่แห้ง พูดจากระดิกหนวดเครา มองแล้วมีสายตาแข็งกร้าวเหมือนในใจแฝง ความขัดเคืองอย่างไรอย่างนั้น

ดังนั้น จึงให้ประทานความตาย

ใครก็ตามอ่านที่อี้จงเทียนบรรยายความมาตามลำดับ ย่อมเอนเอียงที่จะเห็นอกเห็นใจต่อชะตากรรมของซุยตำ ขณะเดียวกันก็ข้องใจว่าเหตุใดโจโฉจึงอคติและประเมินผิดระดับนี้

ประเมินผิดในระดับที่หลงเชื่อคำเพ็ดทูลอย่างชนิดเกินจริง








Advertisement

เรื่องนี้ “บันทึกสังเขปแคว้นเว่ย” ยังเล่าให้รายละเอียดยิ่งกว่า “บันทึกสังเขปแคว้นเว่ย” บอกว่า ตอนนั้นโจโฉให้คนไปบอกกับเจ้าพนักงานที่รับผิดชอบคดีนี้ว่า

หลังจากนี้ 3 วันจะคอยฟังข่าว

ไม่กี่วันผ่านไป เจ้าพนักงานที่รับผิดชอบในการคุมตัวรายงานว่า ซุยตำมีท่าทีสงบเป็นปกติ โจโฉจึงโกรธเกรี้ยวบอกว่า หรือเจ้าซุยตำจะต้องให้อ๋องอย่างช้าลงดาบ ลงเลื่อยหรือไร

ซุยตำได้ยินคำนี้แล้วพยักหน้า 2-3 ทีพูดว่า

นี่เพราะข้าไม่เป็นเอง ที่ไม่รู้ว่าเฉากงมีจิตคิดเช่นนี้ (ข้าไม่ควรเลย ไม่รู้กง (โจโฉ) เจตนาถึงเช่นนี้) ดังนั้น จึงยอมปลิดชีพตนเองแต่โดยดี

ความตายของซุยตำแทบจะไม่ต้องวิเคราะห์อะไร

ดูก็รู้แล้วว่าเป็นการตายอย่างไม่เป็นธรรม ท่าทีของโจโฉกลับเหมือนเป็นโรค คุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ คำกล่าวโทษที่ใช้ก็เท่ากับ “อาจจะมีก็ได้” อันเป็นคำกล่าวที่ฉินฮุ่ยกล่าวโทษเย่ว์เฟย(งุกฮุย)

ด้วยเหตุนี้เรื่องนี้ในตอนนั้นจึงมีกระแสตีกลับ

จาก “จดหมายเหตุสามก๊ก-บทประวัติมอกาย” มอกายซึ่งเคยร่วมหน้าที่หัวหน้าสำนักเฉาตะวันออก ทำหน้าที่คัดเลือกบุคลากรร่วมกับซุยตำรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

พวกชอบหาเรื่องรายงานกับพวกประจบประแจงที่โฉดชั่วก็นำเรื่องนี้ไปบอกกับ โจโฉอีก

โจโฉโกรธเกรี้ยวยกใหญ่ หาความผิดจะเอาโทษให้มอกายติดคุก มอกายเผชิญหน้ากับเภทภัยที่ไร้เหตุผลอย่างไม่สะทกสะท้าน พูดจาอธิบายอย่างสงบ

มอกายว่า ตั้งแต่โบราณมา คนถูกริษยา ถูกให้ร้าย ต้องตายอย่างไม่เป็นธรรม

มีอยู่นับไม่ถ้วน มอกายตั้งแต่เป็นเจ้าหน้าที่ในอำเภอจนมากลายเป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ผิดใจคนมาใช้ว่าน้อย จะหาข้อหาความผิดจะไปยากลำบากอะไร

มอกายแค่หวังว่าจะสามารถมีโอกาสสักครั้งในการตอบโต้ข้อกล่าวหาต่อหน้า

ถ้าหากมอกายไร้เหตุผลมาชี้แจง เช่นนั้นแล้วโทษประหารก็คือการได้เลื่อนยศบรรดาศักดิ์ (วันที่โดนประหาร จะปีติเหมือนได้นั่งรถม้าบรรดาศักดิ์) ศีรษะที่ถูกริบไปก็คือกรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง

(กระบี่ที่ประทานให้ เป็นดังเช่นการตบรางวัลอย่างใหญ่หลวง)

ในความเห็นของอี้จงเทียน คำพูดของมอกายนั้นไม่อาจล้มล้างได้แน่นอน รวมถึงการที่เขาสนับสนุนโจโฉมาโดยตลอด ถึงขนาดหองไก่ (และยังมีคนอื่นๆ) ที่เสนอให้โจโฉเป็นฮ่องเต้ต้องออกหน้าขอชีวิต

โจโฉถึงจะปล่อยมอกายออกมา แต่ก็ยังคงปลดเขาออกจากตำแหน่ง

เรื่องนี้แต่เดิมก็มีคนเห็นว่าเป็นเรื่องผิดปกติ อย่างเช่นซุนเซิ่งกล่าวว่า “องค์เว่ยอู่ (โจโฉ) ในตอนนี้บริหารและลงทัณฑ์ผิดพลาด” พวกเราเองก็ไม่เข้าใจอย่างยิ่ง

เพราะว่าเรื่องนี้ไม่เหมือนพฤติกรรมและสิ่งที่โจโฉสนับสนุนในช่วงก่อนหน้า

เห็นที จากอำนาจที่ขยับขยายและความมักใหญ่ใฝ่สูงที่เติบโตขึ้น โจโฉในเวลานี้ก็ไม่ใช่โจโฉในอดีตอีกต่อไป แต่ปัญหาก็คือ โจโฉจะคุมอารมณ์ไม่อยู่

กรณีของซุยตำจึงสัมพันธ์อย่างยิ่งกับกรณีของซุนฮก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน