หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ยืนยันผลักดันนโยบายการแจกเงินดิจิทัล หรือ ดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทให้ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้น ให้ทันในเดือน ก.พ.2567 โดยใช้เม็ดเงินรวม 5.6 แสนล้านบาท แต่มีเสียงคัดค้านจากบางฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ทาง ผู้บริหารกระทรวงการคลังจึงแถลงใหญ่ เมื่อวันที่ 9 ต.ค.

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง มุ่งมั่นเร่งสร้างความมั่นใจเดินหน้าในการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านมาตรการดิจิทัล วอลเล็ต และรู้สึกดีที่มีการถกเถียงกันในสังคมวงกว้าง ทั้งภาควิชาการ ภาคเอกชน และประชาชน ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ไม่ได้เห็นมานาน ในการวิจารณ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ห่างหายเป็น 10 ปี ในรัฐบาลก่อนหน้า

ขณะนี้สภาวะเศรษฐกิจประเทศไทย ยังไม่ได้เติบโตเต็มศักยภาพ และเติบโตช้ากว่าภูมิภาค ทำให้คุณภาพชีวิตประชาชนยังเปราะบาง มาตรการดิจิทัล วอลเล็ต จึงเป็นการจุดชนวน กระตุกเศรษฐกิจให้เติบโตอีกครั้งหนึ่ง เป็นการใส่เงินให้ทั่วถึง กระจายทุกพื้นที่ สร้างโอกาสการจ้างงาน สร้างการลงทุน เพิ่มการผลิต และเชื่อมั่นกลไกนโยบายจะประสบผลสำเร็จ

คำว่าไม่ทำมาตรการนี้ ไม่มีอยู่ในความคิด เพราะ ได้รับมอบหมายมาแล้ว ได้แถลงนโยบายต่อสภาแล้ว มาตรการนี้รัฐจะได้รับเงินคืนมาในรูปแบบภาษี และเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล และ e-Gorvernment ในอนาคต โดยมุ่งเป้าเศรษฐกิจเติบโต 5% ในระยะ 3-4 ปีหน้า

มีคำถามจากประชาชนหลายข้อ ว่าทำไมต้องมีโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ต้องตอบว่า เพราะไทยมีปัญหาสะสม คนไทยยากลำบาก ในฐานะสส. จากการไปถามประชาชน ร้อยทั้งร้อยในต่างจังหวัดรอมาตรการนี้อย่างมีความหวัง แต่รัฐบาลก็รับฟังข้อเสนอแนะให้รอบด้าน ยืนยันว่าเสียงสะท้อนจากการเลือกตั้ง ชัดเจนว่าต้องเดินหน้าโครงการนี้ให้สำเร็จให้ได้

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายตัว เช่น รายได้ภาคเกษตรที่ลดลง การเก็บภาษีบางส่วนที่ลดลง ดัชนีการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง ขณะที่หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หนี้สาธารณะจาก 40% ต่อจีดีพี เป็น 60% ต่อจีดีพี เหล่านี้สะท้อนว่าเป็นสถานการณ์ที่เปราะบาง โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จึงจำเป็นที่จะมาช่วยรีสตาร์ตชีวิตของประชาชน และช่วยสร้างเม็ดเงินให้กระจายทั่วประเทศ

มีการพูดว่ามาตรการดังกล่าวเป็นคริปโตเคอเรนซี่ จะมีการซื้อตุนไว้ ขอชี้แจงว่า ไม่ใช่การเสกเงินขึ้นมาใหม่ เงินทุกบาทยังเป็นไปตามกฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ใช่พิมพ์เงินขึ้นมาใหม่ หรือเขียนโปรแกรมมาใหม่ ไม่มีปรับมูลค่า แบ๊กอัพบาทต่อบาท

แต่ใช้ในบาทดิจิทัล ที่ถูกกำหนดเงื่อนไขการใช้ ให้มีมูลค่าเศรษฐกิจมากที่สุด เช่น ใช้ภายใน 6 เดือน กำหนดระยะทาง กำหนดประเภทสินค้าและบริการที่ห้ามใช้ จึงตอบได้ว่านโยบายนี้มีประสิทธิภาพกว่านโยบายอื่นๆ ที่ผ่านมา ที่ไม่สามารถนำไปสู่การออม นำไปใช้หนี้สิน แต่กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย








Advertisement

สำหรับเงื่อนไขที่กำหนดรัศมีที่ใช้ใน 4 กิโลเมตรซึ่งมีการถกเถียงกันมากมายนั้น เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาเพื่อเสนอให้คณะกรรมการดิจิทัล วอลเล็ตชุดใหญ่พิจารณา แต่เบื้องต้นยืนยันว่ามีความโน้มเอียงที่จะขยายกรอบระยะทางในการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและสะดวกสำหรับประชาชน อาจจะเป็นตำบล อำเภอ และจังหวัด โดยทั้งหมดจะมี ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนต.ค.2566

ขณะที่ไทม์ไลน์ของการทำงานนั้น วันที่ 12 ต.ค. มีการประชุม คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนครั้งแรก เพื่อหารือถึงความจำเป็น ประโยชน์ วัตถุประสงค์โครงการ และมอบหมายคณะอนุกรรมการ ไปหารือประเด็นต่างๆ

จากนั้น วันที่ 19 ต.ค. ประชุมคณะอนุกรรมการครั้งที่ 2 หารือ ข้อสรุปทั้งหมด และวันที่ 24 ต.ค.เสนอเข้าคณะกรรมการใหญ่ มีข้อเสนอหรือสั่งการอย่างไร เป็นการตัดสินใจชุดใหญ่ต่อไป

ส่วนประเด็นแหล่งที่มาของเม็ดเงิน ต้องใช้เวลาในการพิจารณา โดยจะมีมากกว่า 1 ทางเลือกให้คลังพิจารณา ยืนยันรัฐบาลจะยึดมั่นในวินัยการเงินการคลังให้เกิดประโยชน์กับประเทศสูงที่สุด

ถ้าดูจากประสบการณ์พรรคเพื่อไทยที่เป็นรัฐบาล เห็นชัดเจนว่าเราเป็นพรรคที่สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนเวลา สามารถสร้าง งบสมดุลได้ เรามีความรู้และให้ความสำคัญกับวินัยการเงินการคลังอย่างมาก โดยมาตรการนี้จะใช้แหล่งงบประมาณเป็นส่วนใหญ่ ส่วนรายละเอียดขอให้รอสิ้นเดือนต.ค.นี้

แน่นอนว่ามีข้อห่วงใยเรื่องเสถียรภาพเศรษฐกิจ มีเสียงสะท้อนเรื่องนี้เยอะ แต่ถ้าเรายึดอยู่กับกรอบเสถียรภาพ ที่เศรษฐกิจโตเฉลี่ย 2% เหมือนในอดีต พี่น้องประชาชนก็ไม่สามารถหลุดจากกับดักของความลำบากได้ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องสร้างให้สังคม และเศรษฐกิจเติบโตอย่างเหมาะสมภายใต้พื้นฐานของการมีเสถียรภาพ แต่ต้องหาจุดสมดุล ดังนั้นนโยบายที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นนี้ จึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องเดินหน้า

ด้าน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่าจะทำทุกเรื่องเพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้ในระดับที่เหมาะสมที่ 5% ซึ่งไม่ได้มีแค่มาตรการดิจิทัล วอลเล็ตเพียงมาตรการเดียว

ส่วนกระแสข่าวเรื่องแหล่งเงินจากธนาคารออมสินนั้น ยังไม่มี ข้อสรุป และขอยืนยันว่ายังไม่ได้พูดคุยกัน ส่วนจะใช้แหล่งเงินจากมาตรา 28 ตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังหรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อสรุป แต่มีหลายทางเลือกแน่นอน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง กล่าวว่า มีความจริงที่จะต้องชี้แจงและแลกเปลี่ยนเพื่อให้ครบถ้วนมากขึ้น คือ การเติมเงินในลักษณะนี้ มีการกำหนดเงื่อนไข ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ส่งผลกับเศรษฐกิจในเชิงบวกมากกว่าการกระจายเม็ดเงินแบบเดิม และยังดำเนินการง่ายกว่า รวดเร็วกว่า ปลอดภัยสูงกว่า

ขณะเดียวกันเม็ดเงินสูงถึง 1 หมื่นบาทต่อคน ต่างจากการกระจายแบบกะปริดกะปรอย จึงไม่ใช่การกระตุ้นการบริโภคเพียงครั้งเดียว แต่จำนวนเงินที่รวมกันในครัวเรือน ซึ่งมากพอที่จะทำให้เกิดการลงทุนขนาดเล็กในชุมชน ในหมู่บ้าน เมื่อคิดคำนวณผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแล้วยังสร้างอาชีพใหม่ การลงทุนใหม่ ประชาชนในพื้นที่ได้ลืมตา อ้าปาก ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้จากมาตรการครั้งนี้

นอกจากนี้ มาตรการดิจิทัลวอลเล็ตที่ยังไม่เคยมีความเห็นเชิงวิชาการเลย คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล แต่กลับไม่ถูก พูดถึง และรัฐบาลมองไปถึงเป้าหมายในการสร้างซูเปอร์ แอพพลิเคชั่น เพื่อให้เกิดรัฐบาลดิจิทัล ต่อยอดเศรษฐกิจดิจิทัลซึ่งมีมูลค่ามหาศาล

มาตรการนี้ไม่ใช่แค่มาตรการเดียวของรัฐบาล การให้ความเห็นโดยมองเพียงมาตรการเดียว ยังถือว่าไม่ครบถ้วน เพราะรัฐบาลวางแผนจะมีอีกหลายมาตรการ ทั้งการดึงดูดนักท่องเที่ยว ลงทุน อุตสาหกรรม และบริการใหม่ๆ ที่จะได้รับอานิสงส์จากการลงทุนมาตรการดิจิทัล วอลเล็ตด้วย

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วันนี้เศรษฐกิจไทยยังโตต่ำกว่าศักยภาพ การปรับลดคาดการณ์จีดีพีจึงมี ออกมาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ารอบต่อไปมีแนวโน้มลดลงอีก ดังนั้นการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงนี้ไม่ผิด เพื่อให้เศรษฐกิจกลับไปเติบโตใกล้เคียงกับศักยภาพ จึงอยากให้เชื่อมั่นในความเป็น มืออาชีพของกระทรวงการคลังในการรักษาวินัยการเงินการคลัง ไม่ว่าแหล่งเงินจะมาจากไหน ใช้จ่ายอย่างไร ใช้คืนอย่างไร ทั้งหมดจะชัดเจน

ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการออกแบบมาตรการ โดยต้องมีการ พูดคุยกับธปท. ซึ่งที่ผ่านมามีการทำงานอย่างใกล้ชิดกันอยู่แล้ว เพื่อให้เข้าใจความตั้งใจของรัฐบาลว่าไม่ได้ละเลยเรื่องเสถียรภาพ แต่วันนี้เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าศักยภาพ ดังนั้นนโยบายการคลังที่เน้นการเติบโตของเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินที่เน้นเรื่องเสถียรภาพ จะต้องไปด้วยกัน

นโยบายการคลังเป็นคันเร่ง นโยบายการเงินเป็นเบรก จึงต้องมีจังหวัดที่สอดประสานกัน จะเร่งเมื่อไร เบรกตอนไหน ต้องไปด้วยกันอย่างนุ่มนวล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน