ซอฟต์เพาเวอร์แปลว่าอะไร อะไรๆ ก็ซอฟต์เพาเวอร์ หนังสัปเหร่อ ช็อกมินต์ หมูกระทะ ฯลฯ โลกออนไลน์เลี่ยน จนซอฟต์เพาเวอร์พุ่งออกจากปาก ก่อนจะได้คำตอบว่า ซอฟต์เพาเวอร์หานิยามไม่ได้ เหมือนความรัก

นักวิชาการ ผู้เรียนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อย่าง “ช่อ พรรณิการ์” บอกว่าซอฟต์เพาเวอร์ “อำนาจละมุน” เป็นคำใหญ่กว่านั้น มาจากนโยบายความมั่นคงของอเมริกาใช้การโน้มน้าวสร้างความนิยม ให้ประเทศอื่นอยากเดินตาม ทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม คุณค่า เศรษฐกิจสังคม ฯลฯ โดยอาหารและวัฒนธรรมเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น

ซอฟต์เพาเวอร์จึงไม่ใช่แค่ลิซ่าทอดไข่เจียว มิลลิกินข้าวเหนียวมะม่วง แต่ในภาพรวมคือการดึงดูดใจให้ชาวต่างชาติมาเที่ยวไทย โดยมีทั้งอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม (PM 2.5) วัฒนธรรมการใช้ชีวิต ความเป็นสังคมเปิดกว้าง ความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตอนนี้มีปัญหา ภาพลักษณ์ตำรวจไทยย่ำแย่ในสายตาคนจีน

อย่างไรก็ตาม ถ้ามองข้ามถ้อยคำ ก็ไม่ใช่ว่าคนต่อต้านนโยบาย “หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์เพาเวอร์” ซึ่งตอนแรกทักษิณประกาศเอง “หนึ่งครอบครัว หนึ่งศักยภาพ” แต่ในแง่การตลาดคงไม่ขลัง เลยเปลี่ยนให้มันคล้ายๆ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์

อันที่จริง พูดง่ายๆ ก็คือส่งเสริมสินค้าวัฒนธรรม เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ตั้งแต่ระดับประเทศลงไปถึงตำบลหมู่บ้าน จากที่คนชนบทต้องทำแต่การเกษตรหรือเป็นแรงงาน ก็ไปฝึกทำอาหาร ตัดเย็บเสื้อผ้า ฯลฯ ที่เป็นสินค้าวัฒนธรรมท้องถิ่นของแต่ละตำบลอำเภอ

มันก็น่าสนับสนุน แต่ใช้คำใหญ่พร่ำเพรื่อจนคนรำคาญ ปมสำคัญที่คนแอนตี้ มาจากแผลเพื่อไทยข้ามขั้ว คำประกาศจุดยืนนโยบายกลายเป็น “มีไว้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น”

Karma จึงย้อนมาที่ “ซอฟต์เพาเวอร์” เป็นผลข้างเคียงจากการเสียเครดิต

ยิ่งกว่านั้นมีข้อสังเกตว่า กระแสแซะในโลกออนไลน์ พุ่งไปที่ “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประธานบริหาร ยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์

ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่จงใจโจมตี แต่สะท้อนการไม่ยอมรับออกมาโดยอัตโนมัติ

คนจำนวนมากมองว่ายุทธศาสตร์นี้เหมือนปูพรมแดง ให้แพทองธาร ลูกสาวทักษิณ ประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องเหนื่อยแรง ขุนพลของพ่อพร้อมพรัก งบประมาณพร้อมพรั่ง หนทางข้างหน้าได้รับแต่ดอกไม้ ไม่มีก้อนอิฐ ไม่เหมือนเงินหมื่น ทำควบคู่ไปกับยกระดับบัตรทอง ที่อุ๊งอิ๊งเป็นประธานบริหารเช่นกัน

พูดอย่างนี้ไม่ใช่ด้อยค่า อันที่จริง อุ๊งอิ๊งมีความสามารถ แต่คนปัจจุบันไม่ยอมรับวิธีการแบบบันได 3 ขั้นหรือ 49 วัน มนุษย์ทำงานวัยหนุ่มสาวเบื่อหน่ายเต็มทีกับการเห็นลูก Boss เลื่อนพรวดพราด แต่นั่นยังเป็นบริษัทของเขา

บางส่วนอาจมาจากคนเกลียดทักษิณ แต่ไม่ใช่ส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับกรณีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งคนเกลียดทักษิณ “จุดไม่ติด”

เพราะคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนในฝ่ายประชาธิปไตยแม้ประณามเพื่อไทยตระบัดจุดยืน แต่ก็ยังเห็นใจทักษิณ ถูกกระทำ กระทั่ง สว.โวยวาย พรรคก้าวไกลมี สส. 150 คน ไม่เห็นมีใครตามจี้เรื่องทักษิณชั้น 14

นั่นคือความเป็นมิตรที่มาจากการไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารตุลาการภิวัตน์ ไม่ยอมรับอำนาจที่ใช้เล่นงานทักษิณ ไม่ว่าทักษิณเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม

บทเรียนของเพื่อไทยทั้งนโยบายกู้มาแจกและซอฟต์ เพาเวอร์ คือเมื่อตระบัดจุดยืน ต้นทุนติดลบ ก็ต้องก้มหน้า ก้มตาทำงาน ให้ประชาชนเห็นผลงาน อย่าพยายามคุยอวด ใช้วาทกรรม เหมือนสมัยยังมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย หรือพยายามไฟต์ว่าการตัดสินใจ “ตระบัดสัตย์” ถูกต้องที่สุดแล้ว

คำเตือนฝากเพื่อไทยอีกอย่างคือ ในการต่อสู้ความคิด ดีเบต วิวาทะ เพื่อไทยแทบจะไม่มีขุนพล ต้องใช้ระดับหมอมิ้ง หมอเลี้ยบ ภูมิธรรม สส. ทีมงานของพรรค ยังห่างชั้นมาก สร้างไม่ทัน

เมื่อก่อน เพื่อไทยยังมีแนวร่วม มีนักวิชาการ คนชั้นกลางฝ่ายประชาธิปไตย ช่วยดีเฟนด์แก้ต่างหรือรุกนำไปข้างหน้า แต่ตอนนี้ไม่เหลือใคร แม้แต่คนที่บอกว่าเลือกเพื่อไทยจำนวนหนึ่งก็เลี่ยงไปชมนกชมไม้ เหลือแต่นายแบก นางแบก ซึ่งยิ่งแก้ต่างยิ่งไปกันใหญ่

เป็นรัฐบาลได้แค่ 2 เดือน มองไปข้างหน้า เพื่อไทยจะเจอปัญหาใหญ่ขึ้นๆ โดยไม่มีเพื่อน ไม่มีแนวร่วม แต่ยังหวังดึงคะแนนนิยมกลับมาให้มากที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน